เมนู ต้มข่าไก่ ทำง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน ต้มข่าไก่พร้อมวิธีทำ

เมนู ต้มข่าไก่ ทำง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน ต้มข่าไก่พร้อมวิธีทำ

ยุคนี้สมัยนี้การทำอะไรที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ก็มักจะถูกเลือกก่อนเสมอ การทำอาหารเช่นเดียวกัน ที่ไม่ว่าจะเมนูไหนก็แล้วแต่ ถ้าสามารถทำได้ง่าย ๆ มีส่วนผสมน้อย ไม่ยุ่งยาก หลาย ๆ คนก็มักจะเลือกปรุงอาหารเมนูนั้นก่อน ถึงจะซ้ำซากจำเจก็ยอม วันนี้เลยนำเมนูอาหารไทยที่ตอบโจทย์ความสะดวกรวดเร็วมาฝาก กับเมนู ต้มข่าไก่ ที่ทำง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอนเท่านั้นเอง จากคุณ Markxy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตามมาดูกันเลยจ้า

Step 1 "หั่น"

เนื้อไก่ (หั่นไก่เป็นชิ้น ๆ)
เห็ด (ใช้เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟางก็ได้)
ข่า (ใช้ข่าอ่อนหรือข่าแก่ก็ได้ แต่ข่าอ่อนจะอร่อยกว่า)
ตะไคร้ (หั่นแล้วหาอีโต้ให้เจอ เจอแล้วทุบ จุ๊บแล้วเทอ)
ใบมะกรูด (จะหั่น หรือจะฉีกตอนจะใส่ลงหม้อก็ได้)
หอมแดง (หั่นตามอัธยาศัย... น้ำตาจะไหล ขอแชร์นะครับ)
มะเขือเทศ (จะใส่หรือไม่ก็ได้ ถ้าอยากกินแบบ Healthy ก็แนะนำให้ใส่)

แค่มีไก่ เห็ด ชุดเครื่องต้มยำ และกะทิสักกล่องก็ทำได้แล้ว

ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด หาซื้อง่ายนะ ตามตลาดก็มักจะมัดรวมมาอยู่แล้ว ชุดเดียวจอด ถ้าหอมแดงกับมะเขือไม่มีก็ปล่อยไป ไม่ซีเรียส ส่วนใหญ่จะขาย 3 กำ 10 บาท ก็เลือกซื้อผักชีมาด้วยนะท่าน แล้วก็จัดการหั่นรากผักชี

กะทิคั้นสด ๆ จากตลาด 1 กิโลกรัม ราคา 60 บาท ร้านจะให้มา 2 ถุง ถุงที่ปริมาณน้อยกว่าคือ หัวกะทิ ส่วนถุงที่ปริมาณเยอะกว่าคือ หางกะทิหรือจะใช้ กะทิสำเร็จรูปก็ได้นะครับ ใช้วิธีผสมน้ำเปล่าให้เป็นหางกะทิ

ตั้งกระทะ หรือหม้อ ใช้ไฟปานกลาง ใส่หางกะทิลงไป

ตามด้วย ข่า และตะไคร้ (ใครมีรากผักชี ก็ทุบใส่เพิ่มลงไป)

ใส่เห็ดฟาง และไก่ลงไปคุยกันในกระทะ

ใส่ใบมะกรูด

ใส่มะเขือเทศ

Step 3 "ปรุง"

หลังจากใส่พริกเรียบร้อยแล้ว เบาไฟแล้วก็ปรุงรสเลยครับน้ำปลา น้ำมะขามเปียก หรือน้ำมะนาวก็ได้ และน้ำตาล ค่อย ๆ ปรุง ใส่ทีละนิดทีละหน่อย ไม่อร่อยเติมเพิ่ม แต่ถ้าใส่ทีเยอะ ๆ แล้วไม่อร่อยมันแก้ยากนะ

ลองชิม ปิดไฟ แล้วเททิ้ง... กำ เทใส่ชามสิครับ จากนั้นก็โซโล่เลยจ้า

แล้วเราก็ได้ต้มข่าไข่แบบฉับไวใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ก็ได้กินแล้ว ส่วนสมก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้น ใครสนใจก็ลองลุยเลย

Cr: http://cooking.kapook.com/view86893.html
..............
เครดิต ภาพ http://goo.gl/HzNsKp

เมนู สูตรอาหารไทย | ทอดมันข้าวโพดพร้อมวิธีทำ

เมนู สูตรอาหารไทย | ทอดมันข้าวโพดพร้อมวิธีทำ
เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* ข้าวโพดฝานเอาแต่เมล็ด 2 ถ้วยตวง

* หมูสับหรือกุ้งสับละเอียด 1/4 ถ้วยตวง

* แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง

* น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ

* เกลือ 1 ช้อนชา

* ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ

* ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

* น้ำตาล 1 ช้อนชา

* ไข่ไก่ 1 ฟอง

* น้ำจิ้ม (ซ๊อสมะเขือเทศ, น้ำจิ้มไก่, อาจาด, อื่นๆ)

* น้ำมันสำหรับทอด

สูตรอาหารไทย | ทอดมันข้าวโพด
สูตรอาหารไทย | ทอดมันข้าวโพด

วิธีทำทีละขั้นตอน

1. ในชามขนาดใหญ่ ผสมข้าวโพด, หมูสับ (หรือกุ้งสับ), แป้งสาลี, น้ำพริกแกงเผ็ด, เกลือ, ใบมะกรูด, ถั่วฝักยาว, น้ำตาลและไข่ไก่ลงไป นวดเบาๆจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี

2. นำช้อนตักส่วนผสมออกมา 2 ช้อนโต๊ะ และปั้นเป็นแผ่นกลม (เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว) ปั้่นจนส่วนผสมหมด แล้วจึงจากนั้นจึงนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนปานกลาง จนกระทั่งสุกทั่วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน


3. จัดใส่จาน เสิรฟพร้อมน้ำจิ้มแตงกวา (อาจาด) หรือซ๊อสมะเขือเทศ (ซ๊อสพริก) พร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือ เป็นของว่างทานเล่นก็ดี

(สำหรับ 2 ท่าน)
picture:http://goo.gl/ZQSrUp
Cr: http://www.ezythaicooking.com/free_recipes/thai_pork_and_corn_cake_th.html

ทอดมันปลากราย พร้อมวิธีทำ

เมนู สูตรอาหารไทย | ทอดมันปลากราย พร้อมวิธีทำ
ส่วนประกอบ
เนื้อปลากรายขูดแล้ว ½ กิโลกรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 1 ถ้วยตวง
คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ½ ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอดทอดมัน

เครื่องปรุงน้ำพริกแกง
พริกแห้ง 5 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
หอมแดง 2 หัว
ข่า (หั่น) 3-4 แว่น
ผิวมะกรูดหั่นฝอย ¼ ลูก
ตะไคร้ (ซอย) 1 ต้น
กะปิ ½ ช้อนชา
เกลือป่น ½ ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
น้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูแดงโขลก 5 เม็ด
ถั่วลิสงคั่วโขลก ¼ ถ้วยตวง
แตงกวาผ่าครึ่งซอยบาง 2 ลูก
ผักชี (เล็กน้อย)

วิธีทำ
โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด แล้วจึงนำเนื้อปลาลงโขลกผสมกับน้ำพริกแกงจนเนื้อปลาเหนียว ตักขึ้นใส่กะละมัง ใส่ไข่ และถั่วฝักยาวหั่นฝอย นวดให้เข้ากัน
เติมคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำปลาและน้ำตาลทราย นำไปลองทอดชิมรสก่อนได้
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อน ปั้นทอดมันเป็นลูกกลมๆ แล้วกดให้แบนใส่ลงไปทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน ใช้ตะแกรงตักทอดมันขึ้นจากน้ำมันใส่พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานรับประทานกับน้ำจิ้ม
ทำน้ำจิ้มโดยนำน้ำส้ม น้ำตาลทราย และเกลือป่นผสมกันตั้งไฟเคี่ยวให้เหนียวพอประมาณ ใส่พริกขี้หนูแดงเปิดไฟเคี่ยวต่อสักพักปิดไฟพักไว้ให้เย็น
เวลารับประทานผสมถั่วลิสงแตงกวาและผักชี
picture: http://goo.gl/qOogw9
Cr: http://goo.gl/4a9lm1

แกงปลาหมอ

แกงส้มถั่วฝักยาวปลาหมอ
เครื่องปรุง
ปลาหมอสด

ถั่วฝักยาว

พริกแกงส้ม

มะขามเปียก

น้ำตาลปีบ

น้ำปลา


วิธีเตรียม
1. ปลาหมอขอดเกล็ด ตัดครีบ หาง ผ่าท้องควักไส้ออก ล้างให้หมดเมือก ด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำผสมน้ำส้ม ตัวหนึ่งตัดสองท่อน

2. ถั่วฝักยาวล้างน้ำ ตัดขั้วและหางออก หั่นเป็นท่อนๆละ 1 ½ นิ้ว

3. มะขามเปียกล้างน้ำ แช่ไว้สักครู่ คั้นเอาแต่น้ำ

วิธีทำ
1. แบ่งเนื้อปลาประมาณ 1 กก. ต้มกับน้ำนิดหน่อย พอสุกนำมาโขลกกับน้ำพริกให้ละเอียด

2. ละลายน้ำพริกลงในหม้อ ใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟ

3. น้ำแกงเดือดใส่ปลาพอเดือด ใส่ถั่วฝักยาว ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขามเปียก ตามชอบ พอเดือดอีกทีถั่วฝักยาวสุก ยกลง

วิธีเสิร์ฟ
ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟได้

ของที่ใช้แทนกันได้
1. ผัก ถ้าไม่มีถั่วฝักยาว ใช้ผักกาดขาว หัวผักกาดสด ผักกาดกวางตุ้ง มะละกอ ผักบุ้งไทย หน่อไม้ดอง และดอกแค

2. เนื้อสัตว์ ถ้าไม่มีปลาหมอ ใช้ปลากะพง ปลาสีกุน ปลาอินทรี ปลาเทโพ ปลาช่อน ปลาสวาย กุ้งชีแฮ้ ปลาหมอเทศ
เครดิตภาพ http://www.siamfishing.com

ต้มจืดหน่อไม้ซี่โครงหมู

กั บ ข้ า ว บ้ า น ๆ วั น นี้ เมนูต้มจืดหน่อไม้ซี่โครงหมู
>>> วันนี้มีของอร่อยๆในกอไผ่มาฝาก
>>> พร้อมเทคนิคการต้มจืดหน่อไม้ ต้มให้น้ำแกงใส

ต้มอย่างไรไม่ให้ขม...ไม่ให้ขื่น

ซดโล่งคอ..อร่อยชื่นใจ ต้มกันง่ายๆ...ไม่ยุ่งยากครับ
"ต้มจืดหน่อไม้ซี่โครงหมู"
มาดูกันครับ ต้มจืดหน่อไม้ใส่ซี่โครงหมู

ปรุงอย่างไรและใช้เครื่องปรุงอะไรกันบ้าง

หน่อไม่ไผ่หวาน 1 หน่อใหญ่ๆ

วันนี้ผมแกะเปลือกปอกฝานหั่น ต้มมาให้เสร็จสรรพเรียบร้อย

มากันแบบพร้อมปรุง

สำหรับวิธีการต้ม : เมื่อท่านได้หน่อไม้มาแล้ว

ทำการปอกเปลือกออกให้หมด

หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ (ตามภาพ)

จากนั้นนำไปต้มน้ำเปล่าให้เดือด ประมาณ 15 นาที

เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง

เพื่อให้หน่อไม้ไม่ขื่นขม เวลาต้มจืดจะได้อร่อยๆครับ

หากหั่นเสร็จ นำไปต้มจืด ก็เตรียมทิ้งได้เลยครับ..ขมขื่น

>>> หลังจากต้มหน่อไม้เสร็จ ล้างน้ำเปล่า พักไว้

>>>เตรียมผงปรุงรสไว้สัก 2 ก้อน

(แบบไม่มีผงชูรส มีขายครับ)

บอกให้ก็ได้ครับ ยี่ห้อคนอร์ ซุบหมูก้อน สูตรไม่ใส่ผงชูรส

>>> ซี่โครงหมูอ่อน ครึ่งโล (สากลก็ว่า 500 กรัม)

สับเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้ครับ

>>> ขาดไม่ได้ ผักชี

เตรียมไว้ด้วยครับ ใช้ทั้งต้นครับวันนี้

นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟ รากผักชีใส่ลงไปครับ

พร้อมผงปรุงรส 2 ก้อน

ใช้ไฟแรงให้น้ำเดือดจัดๆ เหมือนกับโมโหใครมา

>>> หลังจากน้ำเดือดจัดได้ที่ นำซี่โครงหมูใส่ลงไป

++ขั้นตอนนี้สำคัญครับ....

หลังจากใส่ซี่โครงหมูลงไปในหม้อ

ให้หรี่ไฟลงทันที เหลือไฟอ่อนๆ ใช้ไฟเบาๆ

+++วิธีการนี้ จะทำให้น้ำต้มจืดหน่อไม่ใส ไม่ขุ่นครับ

....ใสปิ๊ง...วิ๊งเรียกพี่...

ตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวไปเรื่อยๆสักครึ่งชั่วโมง

ห้ามคนโดยเด็ดขาด ฟองก็ไม่ต้องช้อนทิ้ง

เพราะมันไม่มีจะให้ช้อนครับ วิธีการต้มแบบนี้

จริงๆฟองที่เกิดจากการต้มอาหารที่ช้อนทิ้งกันนั้น

บางท่านหารู้ไม่ว่า ท่านกำลังช้อนคุณค่าทางอาหารทิ้งไป

หากใช้วิธีการต้มแบบนี้ คุณค่าทางอาหารก็จะไม่เสียครับ

>>> หลังจากเคี่ยวซี่โครงหมูจนเปื่อยได้ที่ 30 นาที ผ่านไป

นำหน่อไม้ต้มที่เตรียมไว้ ใส่ลงไปครับ

ขั้นตอนนี้เร่งไฟให้แรง

เมื่อน้ำแกงเดือด ให้เบาไฟลงอ่อนๆเหมือนเดิม

ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว ชืมรสตามชอบ

ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวต่อประมาณสัก 10 - 20 นาที

ก็เป็นอันว่าใช้ได้...สำเร็จเสร็จสิ้นกระบวนการ

ดูกันชัดๆอีกครั้ง น้ำซุปที่ต้มจะใสน่ารับประทาน ไม่ขุ่นข้น

คุณค่าทางอาหารของเนื้อสัตว์ยังอยู่ครบ ไม่สูญหายไปไหน

ซี่โครงหมูเห็นเป็นชิ้นๆ เปื่อยนุ่มได้ที่ หน่อไม้ขาวใสน่ารับประทาน

ก่อนปิดไฟโรยผักชีหั่นฝอยลงไป

กลิ่นหอมลอยขึ้นเตะจมูก เล่นทำเอาผมหน้าหงาย

กลืนน้ำลายดังเอื๊อกในลำคอ

"ต้มจืดหน่อไม้ซี่โครงหมู"

ตักใส่ถ้วย...เสิร์ฟร้อนๆ เหยาะพริกไทยป่นลงไปหน่อย

ยิ่งเป็นมื้อเช้าๆ ต้มทิ้งไว้ค้างคืน อุ่นให้ร้อนตักราดข้าว

ได้ "ข้าวต้มหน่อไม้ซี่โครงหมู" เพิ่มพลังง่ายๆอีกหนึ่งมื้อ

ขอขอบคุณ "ครัวดงละคอน"
................
ขอบคุณภาพและสูตร http://group.wunjun.com/jawanpunzom/topic

เกี๊ยวทอด เมนูอาหารเจ เกี๊ยวทอดไส้ผัก พร้อมด้วยวิธีทำ

เกี๊ยวทอด เมนูอาหารเจ เกี๊ยวทอดไส้ผัก พร้อมด้วยวิธีทำ

ส่วนผสม

  • 1. แผ่นเกี๊ยว 30 แผ่น
  • 2. เต้าหู้ขาว 1 แผ่น
  • 3. ถั่วงอกเด็ดหาง 1/2 ถ้วย
  • 4. กะหล่ำปลีหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
  • 5. แครอทไสเป็นเส้นเล็กๆ 1/4 ถ้วย
  • 6. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  • 7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • 8. น้ำตาล 1/4 ช้อนชา
  • 9. เกลือ 1 ช้อนชา
  • 10. น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
  • 11. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  • 12. น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย


เครื่องปรุงน้ำจิ้ม

  • 1. น้ำสลัดน้ำข้น 2 ช้อนโต๊ะ
  • 2. หอมใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • 3. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • 4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • 5. งาคั่ว 1 ช้อนชา
  • 6. ซอสพริก 1 ช้อนชา


วิธีทำน้ำจิ้ม

  • ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน หรือจะใช้ซอสพริกเป็นน้ำจิ้มก็ได้


วิธีทำอาหารเจ

  • 1. ยีเต้าหู้ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาว เกลือ แป้งข้าวโพด ผสมให้เข้ากัน
  • 2. ผัดผักทั้งสามชนิดกับน้ำมันจนผักสุกนิ่ม ใส่เต้าหู้ผัดให้เข้ากัน ตักออกให้เย็น
  • 3. ตักผักที่ผัดประมาณ 1 ช้อนชา วางลงบนแผ่นเกี๊ยวแต่ละแผ่น ห่อไส้ด้วยแผ่นเกี๊ยวให้สนิท ใช้น้ำทาริมแผ่นเกี๊ยวบีบริมให้แน่น


วิธีห่อเกี๊ยว

  • 1. ใส่ไส้ตรงกลางพับมุมตรงข้ามเข้าหากัน ใช้น้ำแตะริมแผ่นเกี๊ยว บีบให้แน่น จะได้เกี๊ยวรูป 3 เหลี่ยม
  • 2. ใส่ไส้ตรงกลางพับมุมตรงข้าม แล้วจึงจับด้านซ้ายขวาตรงส่วนฐานเข้าหากัน ทาน้ำบีบเบาๆ จะได้เกี๊ยวคล้ายรูปดอกไม้คือตรงส่วนริมไม่ติดกัน
  • 3. ใส่ไส้ตรงกลาง พับด้านตรงข้ามเข้าหากันแล้วจึงทาน้ำหัวท้ายแผ่นเกี๊ยว พับให้แน่น จะได้เกี๊ยวรูปสามเหลี่ยมผืนผ้า
  • 4. ใส่น้ำมันลงในกะทะ พอน้ำมันร้อนใส่ตัวเกี๊ยวทอดให้กรอบเหลือง ตักออกให้สะเด็ดน้ำมัน กินกับน้ำจิ้ม ใช้เป็นอาหารว่างกินกับเครื่องดื่ม


picture:youtube.com
Cr https://goo.gl/bRd9Ya

ราดหน้าเจ เมนู ก๋วยเตี๋ยวราวดหน้า เจ พร้อมวิธีทำ

ราดหน้าเจ เมนู ก๋วยเตี๋ยวราวดหน้า เจ พร้อมวิธีทำ
ส่วนผสมและสัดส่วน

  • 1. เส้นก๋วยเตี๋ยว 
  • 2. ผักคะน้า
  • 3. แครอท
  • 4. เห็ดหอม (เห็ดอื่นๆ ตามชอบ)
  • 5. ฟองเต้าหู้


เครื่องปรุง

  • 1. ซีอิ๊วขาวเจ
  • 2. ซีอิ๊วดำ
  • 3. น้ำตาลทราย
  • 4. แป้งมัน
  • 5. เต้าเจี้ยว
  • 6. เกลือ


วิธีปรุง

  • 1. เตรียมหั่นผักต่างๆ โปรตีนเกษตรและฟองเต้าหู้ นำไปแช่น้ำให้พองนิ่ม 
  • 2. ตั้งกระทะใส่เส้นราดหน้าลงไปผัดกับซีอิ๊วดำ ตักขึ้นไว้ก่อน
  • 3. จากนั้นใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย ใส่ผักต่างๆ และเห็ดลงมาผัด
  • 4. เติมเครื่องปรุงรส ซีอิ๊วขาวเจ น้ำตาลทราย เต้าเจี้ยว เติมน้ำเปล่าหรือน้ำซุปผักหรือใครจะน้ำซุปจากซุปเห็ดหอมก้อนก็ได้ค่ะ 
  • 5. ใส่ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตรลงไป รอจนส่วนผสมเดือดเติมแป้งมันที่ละลายกับน้ำแล้วลงไป ผัดให้เข้ากัน น้ำราดหน้าจะข้น
  • 6. จัดเส้นราดหน้าใส่ชาม ตักน้ำราดหน้าราด ปรุงรสเพิ่มเติมตามชอบเลยค่ะ


Credit: ภาพ http://goo.gl/B3QWX3
สูตรอาหาร  CR: http://goo.gl/ZKNW6u

สูตรอาหารเจ ข้าวผัดเจ เมนูเจข้าวผัดพร้อมวิธีทำ

สูตรอาหารเจ ข้าวผัดเจ เมนูเจข้าวผัดพร้อมวิธีทำ
ต้องเตรียมอะไรบ้าง

  • - ข้าวสวย 1 ถ้วย
  • - เห็ดหอม 2 ดอก
  • - ถั่วฝักยาว หั่นเล็กๆ 1/4 ถ้วย
  • - แครทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย
  • - เต้าหู้เหลืองหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 1/2 ถ้วย
  • - น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • - ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • - น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • - ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ ข้าวผัดเจ

  • 1. หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้นเล็ก
  • 2. ใส่น้ำมันพืชในกระทะ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ไฟอ่อน นำเห็ดหอมลงผัด จนเริ่มเหลือง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเล็กน้อย พอให้มีกลิ่นหอม ตักขึ้นพักไว้
  • 3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ข้าวลงผัด
  • 4. ใส่เต้าหู้เหลือง ถั่วฝักยาว แครอท และเห็ดหอมที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้ากัน


เครดิต สูตรและภาพอาหาร http://goo.gl/0JZVZk

สูตร กล้วยทอด พร้อมวิธีทำ กล้วยแขก


  • อาหาร ขนม สูตรขนม กล้วยทอดส่วนผสมสำหรับทำกล้วยทอด



  • กล้วยหอมสุกพอดี 8 ลูก
  • แป้งสำหรับทำแพนเค้ก 2 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
  • นมสด 100 ซีซี
  • น้ำมันสำหรับทอด


วิธีทำ ขั้นตอนการทำกล้วยทอด


  • 1. หั่นกล้วยเป็นชิ้นยาว 1 ลูกให้ได้ 3 ชิ้น
  • 2. ผสมแป้ง โดย แป้งแพนเค้ก ผสม ไข่ไก่ น้ำตาล และนมสด จากนั้นนำกล้วยลงไปชุบแป้ง
  • 3. ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนไฟปานกลาง จากนั้นนำกล้วยลงไปทอดให้สุกเหลืองทองกรอบ
  • 4. นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน


เครดิตภาพ www.easybiznezz.com
เครดิต สูตรอาหาร http://nlovecooking.com

สูตรขนมไทย กล้วยบวชชี เมนูกล้วย กะทิ และวิธีทำ


  • อาหาร สูตรอาหาร ขนมหวานส่วนผสมสำหรับทำกล้วยบวชชี



  • กล้วยน้ำว้าสุก แต่ไม่งอม 8 ลูก
  • หางกะทิ 1 ถ้วย
  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • เม็ดสาคู 1 ถ้วย
  • น้ำตาล 1 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนโต้ะ



  • วิธีทำ ขั้นตอนการทำกล้วยบวชชี



  • 1. น้ำหัวกะทิ และหางกะทิลงไปต้ม ให้ร้อนจากนั้นเติม น้ำตาลและเกลือลงไป
  • 2. นำสาคูที่แช่น้ำไว้แล้วประมาณ 1 ชั่วโมงลงไปต้ม จากนั้นหั่นกล้วยเป็นชิ้นพอคำลงไปต้ม
  • 3. เคี่ยวจนเม็ดสาคูสุกและกล้วยสุก เสริฟใส่ถ้วยรับประทาน


เครดิตภาพ อินเตอร์เนท
เครดิต สูตรอาหาร http://nlovecooking.com

สูตร เชื่อมกล้วยไข่ แสนอร่อย ทำทานเอง ง่ายๆ


  • ส่วนผสมกล้วยไข่เชื่อม


กล้วยไข่ห่าม  10 ผล

น้ำตาลทราย  1 กิโลกรัม

มะพร้าวขูด  2 ขีด

เกลือป่น


  • วิธีทำกล้วยไข่เชื่อม


1. ใส่น้ำและน้ำตาลลงในกระทะทองเหลืองตั้งไฟ จนน้ำตาลละลายแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง

2. ล้างกระทะให้สะอาดแล้วใส่ส่วนผสมข้อ 1 ลงไปเคี่ยวไฟจนเหนียวเป็นยางมะตูม

3. ปอกกล้วยแล้วใส่ลงในกระทะ รอจนกล้วยเหลืองได้ที่แล้วตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้

4. นำหัวกะทิประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมเกลือป่นเล็กน้อย ราดบนกล้วยร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ

Tips:
• น้ำเชื่อมเคี่ยวให้ข้นเล็กน้อยก่อนใส่กล้วยไข่ลงไป ถ้าน้ำเชื่อมใสเกินไปจะทำให้กล้วยพองตัวมาก


ลักษณะที่ดี
• กล้วยควรดูใสเป็นเงา ผิวกล้วยจะแตกลายงาและยืดออก รสหวานหอม

เครดิตภาพ www.roithai.com
เครดิต สูตรอาหาร http://goo.gl/iY39hY

สูตรทำขนมจีบเจง่ายๆไม่มีเนื้อสัตว์ก็อร่อยได้

ขนมจีบเจ อาหารว่างเจสูตรทำง่าย ไม่มีเนื้อสัตว์ก็อร่อยได้
ส่วนผสมขนมจีบเจ
1. เห็ดหอมสับ 1/4 ถ้วย
2. แครอทสับ 1/4 ถ้วย
3. แห้วสับหยาบ 1/4 ถ้วย
4. เผือกนึ่งสุก 1/2 ถ้วย
5. พริกไทยป่น
6. น้ำมันงา
7. เกลือป่น
8. ซอสปรุงรส
9. น้ำตาลทราย
10. แป้งข้าวโพด
11. แผ่นเกี๊ยวเจ 1 ห่อ


วิธีทำขนมจีบเจ
1. นวดผสมเห็ดหอมสับ แครอท แห้ว เผือกนึ่ง พริกไทยป่น น้ำมันงา เกลือป่น และซอสปรุงรสเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว
2. ตัดแผ่นเกี๊ยวเป็นแผ่นวงกลม (ใช้ถ้วยวางแล้วเอามีดค่อย ๆ ตัดแป้งออก)
3. กำมือหลวม ๆ แล้ววางแผ่นเกี๊ยวบนมือกดแผ่นเกี๊ยวลงไปให้เนหลุม ตักส่วนผสมไส้ลงไปแล้วรวบจับจีบให้สวยงาม
4. วางขนมจีบลงในชุดนึ่ง พรมน้ำให้ทั่ว นำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางจนสุก ประมาณ 3-5 นาที จัดใส่จาน เสริ์ฟพร้อมซอสพริกเจ
ขนมจีบธรรมดาก็ว่าฟินแล้ว เจอขนมจีบเจแบบนี้เข้าไปอีก อร่อยเพลินเลยล่ะ แถมยังกินแล้วไม่อ้วนอีกด้วยนะเนี่ย ผลพลอยได้จริง ๆ

เครดิต สูตรอาหารและภาพ  http://goo.gl/3IgTmb

อาหารเจ คอหมูน้ำตกสไตล์อาหารอิสาน อร่อยๆ

น้ำตกคอหมูย่างเจ
วัตถุดิบสำหรับการทำน้ำตกคอหมูย่างเจ
1. โปรตีนเกษตรแบบแผ่นใหญ่
2. เกลือ 1 ช้อนชา
3. น้ำมะนาว 3 ช้นโต๊ะ
4. ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
5. ผงปรุงรสเห็ดหอม ½ ช้อนโต๊ะ
6. พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)
7. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
8. ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
10. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
11. ใบมะกรูดซอยละเอียด 1 ช้อนชา
12. ผักชีฝรั่งซอย
13. งาขาวคั่ว 2 ช้อนชา
14. พริกไทยดำบดละเอียด 1 ช้อนชา


ขั้นตอนในการทำ
1.นำโปรตีนเกษตรไปแช่น้ำให้อ่อน จากนั้นนำมาหั่นให้เป็นชิ้นขนาดเหมือนเนื้อส่วนคอหมูย่าง
2.นำโปรตีนเกษตรไปหมักเพื่อเพิ่มรสชาติกับซอสถั่วเหลือง ผงปรุงรสเห็ดหอม และพริกไทยดำบดละเอียด ทิ้งเอาไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นนำไปย่างบนกระทะเทฟล่อนจนสุกได้ที่ นำขึ้นมาตั้งพักไว้
3.เริ่มปรุงรสด้วยการผสมน้ำมะนาว น้ำตาลทราย เกลือ ซีอิ๊วขาว ข้าวคั่ว งาขาวคั่ว พริกป่น ผักชีฝรั่งซอย ใบมะกรูดซอย และต้นหอมซอยเข้าด้วยกัน ปรุงรสจนได้ตามที่ต้องการ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4.นำโปรตีนเกษตรที่พักไว้มาเทใส่รวมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่ง ต้นหอมและงาขาวอีกเล็กน้อย

เครดิต สูตรอาหารและภาพ http://goo.gl/gkFbg3

น้ำพริกผัดหมู ตำหรับสูตรชาววัง

เครื่องปรุง

1.พริกใหญ่แห้ง

2.พริกแจวหรือพริกขี้หนูแห้ง

3.กระเทียม

4.หอมแดง

5.เกลือป่น

6.เนื้อหมูสันในแดง

7.น้ำมันพืช

8.น้ำมะขามเปียก

9.น้ำตาลปีป

10.น้ำปลาอย่างดี

11.น้ำตาลทราย



ขั้นตอนวิธีการทำ

1.ตั้งเตาไฟถ่านและเตรียมกระทะสำหรับคั่วพริกแห้ง

2.ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะให้เดือดทั่ว

3.นำพริกใหญ่แห้งและพริกแจวแห้ง  ลงคั่วในกระทะน้ำมันให้เหลือง

4.นำพริกที่คั่วแล้วไปบดให้ละเอียด

5.นำกระเทียมที่เตรียมไว้โขลกให้ละเอียด

6.นำกระเทียมที่โขลกละเอียดแล้วลงผัดในกระทะน้ำมันให้เหลือง

7.นำหอมแดงที่เตรียมไว้หั่นให้เป็นฝอย

8.นำหอมแดงที่หั่นเป็นฝอยแล้วลงผัดในกระทะน้ำมันให้เหลือง

9.นำพริกที่ป่นละเอียดแล้ว  กระเทียม  หอมแดง  มาคลุกเคล้าให้เข้ากันในภาชนะ

10.นำเครื่องปรุงทั้งหมดไปบดพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง

11.นำมาผึ่งไว้ในตระเกรงตากแดดไว้ให้แห้งสนิท

12.เมื่อแห้งสนิทดีแล้วนำมาบดอีกครั้งหนึ่ง

13.หมุสันในแดง  นำมาหั่นเป็นชิ้นพอประมาณ

วิธีทำ

                ตั้งกระทะบนเตาไฟ  ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะพอประมาณ  นำหอมกระเทียมที่บดเตรียมไว้ลงผัดกับน้ำมันในกระทะให้เหลือง  ใส่เนื้อหมูสันในแดงลงผัดให้ทั่วกัน  ใส่น้ำปลา  น้ำตาล  เกลือป่น  และน้ำมะขามเปียก  พอเดือดแล้วใส่พริกแห้งป่นและผัดให้ทั่ว  ชิมรสและผัดให้แห้ง  เมื่อชิมรสชาติได้ที่แล้วนำออกจากกระทะ  ใส่ภาชนะที่จัดเตรียมไว้  ทิ้งไว้ให้เย็น  นำมาบรรจุในบบจุภัณฑ์

เทคนิคในการทำ  (เคล็ดลับ)

1.การบดกระเทียมควรบดด้วยครกหิน

2.หอมแดงที่ใช้ควรเป็นหอมแดงชนิดหัวใหญ่สีแดงคล้ำ

3.การคั่วกระเทียมและหอมแดง  ควรคั่วให้ออกเป็นสีเหลือง

4.การใช้ส่วนผสมควรใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม

5.เนื้อหมูควรเป็นหมูสันในแดงไม่ติดมัน

6.การผัดเครื่องผสมทั้งหมดในกระทะ  ควรผัดให้ทั่วจนกว่าจะได้ที่

7.การบรรจุภัณฑ์ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรงสะอาด  ปลอดภัย



ฤดูที่นิยมกิน   นิยมรับประทานกันทุกฤดูกาล

รสชาติ  เผ็ด เปรี้ยว หรือเติมรสชาติตามความพอใจของผู้รับประทาน

ข้อแนะนำ  ควรรับประทานกับข้ามสวยร้อน ๆ  โดยมีผักสดต่าง ๆ

คุณค่าทางโภชนาการ

                -มีคุณค่าอาหารทางโปรตีน

                -สามารถเก็บรักษาได้นาน
น้ำพริกผัดหมู  ตำหรับสูตรชาววัง
Credit: http://goo.gl/1Hyd8S

น้ำพริกปลาย่าง ตำหรับสูตรชาววัง

เครื่องปรุง

1.พริกใหญ่แห้ง

2.พริกแจวหรือพริกขี้หนูแห้ง

3.กระเทียม

4.หอมแดง

5.เกลือป่น

6.ปลาย่าง

7.น้ำมันพืช



ขั้นตอนวิธีการทำ

1.แกะเปลือกปลาย่างออกเอาแต่เนื้อด้านในของปลา

2.นำเนื้อปลาที่แกะแล้วไปตากแดดให้แห้งสนิท

3.นำเนื้อปลาที่ตากแห้งแล้วไปบดให้ละเอียด

4.ใส่เนื้อปลาที่บดละเอียดแล้วลงในภาชนะที่เตรียมไว้

5.ตั้งเตาไฟถ่านและเตรียมกระทะสำหรับคั่วพริกแห้ง

6.ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะให้เดือดทั่ว

7.นำพริกใหญ่แห้งและพริกแจวแห้ง  ลงคั่วในกระทะน้ำมันให้เหลือง

8.นำพริกที่คั่วแล้วไปบดให้ละเอียด

9.นำกระเทียมที่เตรียมไว้โขลกให้ละเอียด

10.นำกระเทียมที่โขลกละเอียดแล้วลงผัดในกระทะน้ำมันให้เหลือง

11.นำหอมแดงที่เตรียมไว้หั่นให้เป็นฝอย

12.นำหอมแดงที่หั่นเป็นฝอยแล้วลงผัดในกระทะน้ำมันให้เหลือง

13.นำพริกที่ป่นละเอียดแล้ว  กระเทียม  หอมแดง  มาคลุกเคล้าให้เข้ากันในภาชนะ

14.นำเครื่องปรุงทั้งหมดไปบดพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง

15.นำมาผึ่งไว้ในตระเกรงตากแดดไว้ให้แห้งสนิท

16.เมื่อแห้งสนิทดีแล้วนำมาบดอีกครั้งหนึ่ง

วิธีทำ

                  นำปลาย่างที่บดแล้ว  พริกแห้ง  หอม  กระเทียม  ใส่ภาชนะคลุกเค้าให้เข้ากัน  ใส่เกลือป่นชิมรสชาติจนได้ที่

นำมาบรรจุในบบจุภัณฑ์



เทคนิคในการทำ  (เคล็ดลับ)

1.ปลาย่างที่ใช้ควรเป็นปลาย่างที่มีความสดใหม่เนื้อปลาด้านในแข็ง

2.การจัดเก็บปลาย่างควรใส่ถุงพลาสติกให้มิดชิด

3.การจัดเก็บปลาย่างควรเก็บไว้ในที่โล่งแจ้งและมีอากาศถ่ายเทอยู่เสมอ

4.นำปลาย่างที่จัดเก็บไว้มาตากแดดเสมอ  อย่างน้อยอาทิตย์ละ  3-4  ครั้ง

5.การบดปลาย่างควรบดอย่างน้อย  5  ครั้ง  เพื่อให้เนื้อปลามีความละเอียดนุ่มนวล

6.การบดพริกแห้งควรบดอย่างน้อย  3  ครั้ง

7.ควรมีตระแกรงสำหรับตรวจสอบความป่นของพริก

8.กระเทียมที่ใช้ควรเป็นกระเทียมพันธุ์สีม่วง  เพราะเก็บไว้ได้นานและมีเนื้อแข็ง

9. การบดกระเทียมควรบดด้วยครกหิน

10.หอมแดงที่ใช้ควรเป็นหอมแดงชนิดหัวใหญ่สีแดงคล้ำ

11.การคั่วกระเทียมและหอมแดง  ควรคั่วให้ออกเป็นสีเหลือง

12..การใช้ส่วนผสมควรใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม

13..การบรรจุภัณฑ์ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่แข็งแรงสะอาด  ปลอดภัย

พัฒนาโดย
*********************

นางสาว ศรัณยา  อยู่แย้ม

นางสาว พรศิริ  บุญสนอง

โรงเรียนศรีสำโรงชนูปถัมภ์
น้ำพริกปลาย่าง  ตำหรับสูตรชาววัง
Credit: http://goo.gl/1Hyd8S

น้ำพริกเผาปลาย่างสูตรโบราณ

ส่วนผสมและเครื่องปรุงน้ำพริกเผาปลาย่าง
1. พริกชี้ฟ้าแห้ง (ดูแบบเม็ดสั้นๆ เม็ดยาวๆไม่เอา ) 2 ขีด
2. ปลาย่างป่นแล้ว 1 ขีด
3. หัวหอมแดง 7 หัว
4. หัวกระเทียม 4 หัว
5. น้ำมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ
6. กะปิอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำปลาอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืชสำหรับผัดน้ำพริกเผา 4 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนวิธีทำและปรุงรสน้ำพริกเผาปลาย่างสูตรโบราณ
1. นำพริกชี้ฟ้าแห้งมาตัดเป็นสามท่อนพักไว้

2. หัวหอมแดง กระเทียมปอกเปลือกล้างให้สะอาดหั่นครึ่งหัวพักไว้

3. นำกระทะตั้งเตาใช้ไฟค่อนข้างอ่อนคั่วพริกแห้งให้เหลืองหอมตักใส่ภาชนะพักไว้

4. นำหัวหอมแดงและกะเทียมใส่กระทะคั่วให้สุกและหอมเสร็จแล้วตักใส่ชามพักไว้

5. จากนั้นนำพริกคั่วใส่ครกโคลกให้ละเอียดตามด้วยหัวหอมหัวกะเทียมคั่ว และกะปิโคลกจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน

6. ใส่ปลาย่างป่นลงไปโคลกให้เข้ากันอีกครั้งเมื่อละเอียดดีแล้วทำการปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียกน้ำปลาและน้ำตาล

7. ปรุงรสชาติให้มีรสเปรี้ยวนำตามด้วยรสหวานเค็มเล็กน้อยชิมให้ได้รสชาติตามที่ต้องการ สามารถเพิ่มหรือลดเครื่องปรุงได้ตามชอบ

8. นำกระทะตั้งบนเตาใช้ไฟอ่อนๆ เทน้ำมันพืชลงไปในกระทะ พอน้ำมันในกระทะร้อนให้นำน้ำพริกลงผัด หมั่นคนเป็นระยะๆ ให้ทั่ว ผัดจนน้ำพริกมีกลิ่นหอมเป็นอันใช้ได้ ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยสวยๆ จัดผักเสิร์ฟได้เลย

credit. สูตรอาหาร  http://goo.gl/iTP6LG

วิธีทำ หมูหวาน รสเด็ด

เครดิตภาพจาก google
เป็นกับข้าวก็ได้ กินกับข้าวคลุกกะปิยิ่งอร่อยเหาะ
โดย กิมเล้ง

เครื่องปรุง

 หมูสามชั้นเลาะหนังแล้วหั่นชิ้นบาง   7 ขีด   (ชอบทานหนังหมูก็ไม่ต้องเลาะทิ้ง)
 น้ำตาลปีบ   1 ½ ขีด
 กระเทียม 5 -6 กลีบ
 พริกไทยขาว  ½  ช้อนชา
 ต้นผักชีพร้อมราก 1 ต้น
 ซีอิ๊วขาว  ซีอิ๊วดำ
วิธีทำ

1.    โขลกกระเทียมพริกไทยให้ละเอียด
2.    เจียวกระเทียมพริกไทย พอให้เริ่มเหลืองนิดหน่อย  ใส่น้ำตาลปีบลงไป พอน้ำตาลเริ่มละลาย
สีใสเป็นคาราเมล   จึงใส่ซีอิ๊วขาว  ซีอิ๊วดำ  ตามด้วยหมู ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
3.    เติมน้ำให้ท่วมหมูมาก ๆ  ปิดฝาภาชนะ  เคียวต่อไปจนน้ำเกือบงวด  หรือเกือบจะแห้ง
4.    ใส่ผักชีทั้งต้นลงไป เคี่ยวต่อจนน้ำงวด  และส่วนผสมน้ำตาลเคลือบหมูให้ออกสีใส



เจียวกระเทียม พริกไทย ให้ออกเหลืองนิดเดียว
เพราะเมื่อใส่น้ำตาลลงไป  จะทำให้กระเทียมไหม้ง่ายมาก
ใส่น้ำตาลปีบ  ซีอิ๊วดำ  ซีอิ๊วขาว
นำหมูลงไปผัด
ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
เติมน้ำลงไปมาก ๆ  นำฝาหม้อใบโต ๆ ปิดกระทะ เคียวไฟค่อนข้างอ่อน – (น้ำยิ่งมากหมูยิ่งอ่อนนุ่ม)
น้ำเกือบแห้ง  ใส่ผักชีลงไปทั้งต้น
น้ำเริ่มแห้ง คลุกเคล้าให้น้ำตาลเกาะหมูเป็นเงาใส
เสร็จแล้ว !!

 พร้อมรับประทาน !

เมนูหมูหวานนี้รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมากมาย
จะออกหวานนำ เค็มตามหน่อย ๆ สูตรนี้เป็นสูตรที่กิมเล้งคิดเองจนลงตัว
อาศัยชิมและปรับแต่งสูตร จนเข้าที่เป็นรสนี้ อร่อยกว่าที่เคยทานมา
ถ้าทานกับข้าวสวยให้ตักน้ำขลุกขลิกเหนียว ๆ ข้น ๆ ราดไปด้วย
จะยิ่งถึงรสถึงชาติ
หรือจะรับประทานเป็นเครื่องของข้าวคลุกกะปิก็อร่อยเหาะกันเลยทีเดียว

เครดิต สูตร http://goo.gl/t45IIF

สูตรเด็ด ปลาดุกผัดกรอบ

สูตรเด็ด ปลาดุกผัดกรอบ
ส่วนผสม

ปลาดุกแล่เอาแต่เนื้อ 500 กรัม
กะเพราเด็ดเป็นใบๆ ทอดกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้นยาว 1 เม็ด
กระชายหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบทะกรูดฉีก 1–2 ใบ
พริกไทยอ่อนตัดสั้นๆ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสำหรับทอด 1 ถ้วย

เครื่องแกง

พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
หอมแดงซอย 2 หัว
กระเทียมซอย 1 หัว
กระชายหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
รากผักชีสับละเอียด 1 ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่นหยาบ 1/4 ช้อนชา
ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนชา
ยี่หร่าคั่ว 1/4 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา

โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

วิธีทำ

1.ล้างปลาดุกให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นหนา
2.ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลาง ใส่ปลา ลงทอดพอเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
3.ใส่น้ำมันสำหรับผัดลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกง ผัดพอหอมและแตกมัน
4.ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ใส่ใบมะกรูด กระชาย ผัดพอทั่ว ใส่พริกไทยอ่อน ใส่ปลา ผัดให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง
5.จัดใส่จาน โรยด้วยพริกชี้ฟ้า ใบกะเพรากรอบเสิร์ฟ
เครดิตภาพ บ้านเรา  https://goo.gl/OpNsRr
 เครดิตสูตร: http://goo.gl/3M4e1Q

สูตร อาหารยอดนิยม ขนมจีนน้ำเงี้ยว

สูตร อาหารยอดนิยม ขนมจีนน้ำเงี้ยว
ขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นอาหารยอดนิยมของคนล้านนามานาน ประกอบด้วยเส้นขนมจีน, เลือดหมู, เนื้อหมู, มะเขือเทศ เป็นหลัก มีทั้งสูตรเชียงราย (ใส่ดอกงิ้ว) สูตรเชียงใหม่ (ใส่เต้าเจี๊ยว) สูตรลำปาง (ใส่ถั่วเน่า) สูตรแพร่ (เป็นแบบน้ำใส) เป็นต้น

เดิมที ขนมจีนไม่ได้ทานพร้อมกับน้ำเงี้ยว แต่เพิ่งนำประยุกต์มาทานพร้อมกันไม่นานมานี้ น้ำเงี้ยวเป็นอาหารของชาวเงี้ยวซึ่งเป็นกลุ่มไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาอพยพหนีการสู้รบกับรัฐบาลพม่า จึงเข้ามาอาศัยกระจายทั่วไปทุกจังหวัดภาคเหนือ แต่ที่เป็นชุมแหล่งใหญ่คือจังหวัดแพร่ เนื่องจากในยุคนั้นมีการสัมปทานพื้นที่การทำป่าไม้ให้กับบริษัทจากอังกฤษ มีความต้องการแรงงานมาก ชาวเงี๊ยวจึงปักหลักอาศัยเป็นชุมชนใหญ่ที่นี่ ปัจจุบันขนมจีนน้ำเงี้ยวนิยมทานควบคู่ ผักนานาชนิด, แคบหมู, ส้มตำ,เนื้อทอด

ขนมจีนน้ำเงี้ยว หรือที่ชาวเหนือเรียกกันว่าขนมเส้น แต่เดิมนั้นขนมจีนเป็นอาหารยอดนิยมของชาวล้านนามานาน มีส่วนประกอบต่างๆมากมาย คือ เส้นขนมจีน , เลือดหมู (ไก่) , เนื้อหมู และมะเขือเทศ เป็นหลัก โดยมีทั้งน้ำเงี้ยวสูตรเชียงราย (ใส่ดอกงิ้ว) สูตรเชียงใหม่(ใส่เต้าเจี๊ยว) สูตรลำปาง (ใส่ถั่วเน่า) สูตรแพร่(เป็นแบบน้ำใส) เป็นต้น

น้ำเงี้ยวเป็นน้ำแกงที่รับประทานกับขนมจีนหรือเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยว เรียกก๋วยเตี๋ยวน้ำเงี้ยว บางสูตรใช้ถั่วเน่าแข็บหรือถั่วเน่าแผ่นย่างไฟ โขลกลงในเครื่องแกง แทนการใส่เต้าเจี้ยว ชาวไทใหญ่ หรือเงี้ยว เรียกว่า เข้าเส้นน้ำหมากเขือส้ม

ส่วนผสม
1. ขนมจีน 1 กิโลกรัม
2. เนื้อหมูบดหยาบ 1/2 กิโลกรัม
3. ซี่โครงหมู 1/2 กิโลกรัม
4. เลือดไก่ต้ม 3 ก้อน
5. มะเขือเทศลูกเล็ก 1/2 กิโลกรัม
6. งิ้วแห้ง 10 ดอก
7. เต้าเจี้ยว 3 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
เครื่องแกง
1. พริกแห้ง 10 เม็ด
2. รากผักชี 10 ต้น
3. กระเทียม 10 กลีบ
4. หอมแดง 10 หัว
5. กะปิ 3 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 3 ช้อนชา
เครื่องเคียง
1. กระเทียม
2. ผักชี
3. ต้นหอม
4. พริกขี้หนูแห้งทอด
5. มะนาว
6. ถั่วงอก
7. ผักกาดดอง
8.แคบหมู

วิธีทำ
1. ต้มน้ำพอเดือด ใส่ซี่โครงหมู ต้มจนหมูนุ่ม
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. ผัดเครื่องแกงกับน้ำมัน จนมีกลิ่นหอม ใส่เต้าเจี้ยวลงผัด คนให้เข้ากัน
4. ใส่หมูบด ผัดให้เข้ากัน จนหมูสุก
5. ใส่เครื่องแกงที่ผัดแล้วลงในน้ำหม้อต้มกระดูก ต้มจนเดือด ใส่ดอกงิ้ว ต้มต่อประมาณ 10 นาที
6. ใส่เลือดหมูหรือไก่ที่หั่นแล้ว คนให้ทั่ว
7. ใส่มะเขือเทศ
8. ตั้งไฟต่อประมาณ 5 นาที ยกลง นำขนมจีนใส่จาน ราดด้วยแกง (น้ำเงี้ยว) รับประทานกับเครื่องเคียง
****เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
เคล็ดลับในการปรุงการทำน้ำเงี้ยวสามารถใช้เลือดไก่หรือเลือดหมูก็ได้

credit ; http://goo.gl/jdTl64

ห่อหมกมะพร้าวอ่อนเนื้อปลา

ส่วนผสม (สำหรับห่อหมก 1 ลูกมะพร้าว)
เตรียม 20 นาที ปรุง 1 ชั่วโมง (รวมเวลานึ่ง)

    เนื้อปลาช่อนหรือปลาอินทรีสด แล่หนังและดึงก้างออกหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
    เนื้อมะพร้าวอ่อน 1½ ถ้วย
    น้ำมะพร้าวอ่อน ½ ถ้วย
    กะหล่ำปลีลวกบีบน้ำให้หมาดซอยเป็นเส้นบาง ½ ถ้วย
    พริกแกงแดง 3 ช้อนโต๊ะ
    ไข่ไก่ 3 ฟอง
    น้ำตาลปี๊บ 1½ ช้อนชา
    เกลือ ½ ช้อนชา
    น้ำปลา 2 ช้อนชา
    พริกชี้ฟ้าแดงซอยตามชอบ
    ใบมะกรูดซอยตามชอบ
    มะพร้าวแก่ผ่าครึ่งผล 1 ผล
    ส่วนผสมกะทิสำหรับหยอดหน้า
    หัวกะทิ ½ ถ้วย
    แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
    เกลือ 1/8 ช้อนชา

วิธีทำ

    ปั่นเนื้อมะพร้าวกับน้ำมะพร้าวรวมกันให้ละเอียด เทใส่ชามผสม แล้วใส่พริกแกงแดง ไข่ไก่ 2 ฟอง คนให้ละลายเข้ากันดี เทใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ปรุงรสด้วย น้ำตาล เกลือ น้ำปลา แล้วคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มข้น ใส่เนื้อปลาลงไป โดยเหลือชิ้นปลาไว้แต่งหน้าห่อหมกสัก 2-3 ชิ้น พอเนื้อปลาเริ่มเปลี่ยนสี ปิดไฟ แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นให้ละเอียด
    เทส่วนผสมห่อหมกใส่หม้อใบเดิม ตั้งไฟอ่อน คนต่อสักพักปิดไฟ
    เคี่ยวกะทิสำหรับหยอดหน้าห่อหมก โดยผสมทุกอย่างคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ คนตลอดจนส่วนผสมเนียนข้น ปิดไฟ
    ใส่กะหล่ำปลีลวกลงในมะพร้าวที่เตรียมไว้ ก่อนตักส่วนผสมในข้อสองใส่ทับลงไปจนเต็มมะพร้าวที่ผ่าเตรียมไว้ นำไปนึ่งด้วยไฟกลาง จนสุก เปิดฝาลังถึง วางชิ้นปลาสำหรับตกแต่งแล้วหยอดหน้าด้วยน้ำกะทิ ปิดฝานึ่งต่ออีกสักพักจนปลาสุก ปิดไฟ โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดง และใบมะกรูดซอย จัดเสิร์ฟ

Credit :ข้อมูลภาพและสูตร http://goo.gl/bUC9UD

สูตร ขนมจีนน้ำพริก

เครดิตภาพhttp://goo.gl/u7sv1Q

ส่วนผสม (สำหรับ 8-10 ที่)
เตรียม 20 นาที ปรุง 30 นาที
1. ขนมจีน 2 กิโลกรัม
2. กะทิ 5 ถ้วย
3. ซุปไก่ใสชนิดเข้มข้น CP 1 ถ้วย (1 ซอง)
4. หอมเจียว 2 ถ้วย
5. พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำ 5 เม็ด
6. กุ้งแห้งบดละเอียด 300 กรัม
7. น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
8. ถั่วลิสงคั่วให้หอม นำไปต้มให้นิ่ม แล้วบดให้ละเอียด 100 กรัม
9. น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
10. น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
11. น้ำมะนาว ½ ถ้วย
12. เกลือ 1 ช้อนชา
13. มะกรูดสดผ่าครึ่ง 1 ลูก

เครื่องเคียง
พริกขี้หนูทอด ใบผักบุ้งทอด ก้านผักบุ้งลวก หัวปลี ถั่วพู และใบแมงลักตามชอบ

วิธีทำ
1.โขลกหอมเจียวและพริกเม็ดใหญ่ให้ละเอียด

2.นำกะทิ 3 ถ้วยขึ้นตั้งไฟ พอเริ่มร้อนใส่ส่วนผสมในข้อ 1 กุ้งแห้งและถั่วลิสงลงไป รอจนส่วนผสมเดือด เติมน้ำพริกเผาและน้ำซุป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาวและเกลือ

3.เติมกะทิที่เหลือ ต้มจนเดือด(อย่าให้กะทิแตกมัน)ปิดไฟ ใส่มะกรูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟพร้อมขนมจีนและเครื่องเคียง

TIPS
- แช่หัวปลีในน้ำละลายสารส้มจะช่วยให้หัวปลีไม่ดำ
- ควรลวกก้านผักบุ้งให้สุกก่อนแช่น้ำเย็น เพื่อช่วยให้ผักบุ้งมีสีเขียวสวย

คุณค่าทางโภชนาการ
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค496.30กิโลแคลอรี
โปรตีน22.40กรัม
ไขมัน18.82กรัม
คาร์โบไฮเดรต61.30กรัม
ไฟเบอร์0.40กรัม

Credit :ข้อมูลและสูตร  http://goo.gl/MwmO0S

เมนูขนมโบราณ ขนมไข่ปลาสามสหาย

ขนมไข่ปลาสามสหาย

เมนูขนมไข่ปลาสามสหายนี้เป็นเมนูประยุกต์มาจาก ขนมไข่ปลาเนื้อตาล เนื่องจากเนื้อตาลค่อนข้างหายาก จึงหยิบเอาวัตถุดิบที่หาง่ายตามท้องตลาดมาทำแทน อาทิเช่นน้ำใบเตย ฟักทอง เผือกและมัน เมนูนี้ไม่จำกัดไอเดีย สามารถประยุกต์ใช้วัตถุดิบอื่นๆ มาเพิ่มสีสันและรสชาติให้ขนมไข่ปลาน่าทานมากขึ้นค่ะ

สูตรขนมไข่ปลาสามสหาย
สำหรับ 20-30 ตัว
เวลาในการทำ 1 ชั่วโมง 20 นาที

วัตถุดิบขนมไข่ปลาสามสหาย
1. แป้งข้าวเหนียว 240 กรัม (แบ่งเป็น 3 ส่วน)
2. แป้งข้าวเจ้า 60 กรัม (แบ่งเป็น 3 ส่วน)
3. น้ำใบเตย 1 ถ้วย
4. ฟักทองต้มสุกบดละเอียด 150 กรัม
5. เผือกต้มสุกบดละเอียดและมันต่อเผือกต้มสุกบดละเอียด 150 กรัม
6. น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม
7. น้ำเปล่า 1/2 กิโลกรัม
8. มะพร้าวทึนทึกขูดมือ 1 ซีก
9. งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
10. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมไข่ปลาสามสหาย
ส่วนน้ำเชื่อม
1. นำหม้อใส่น้ำละลายน้ำตาลทราย ยกขึ้นตั้งไฟคนต่อจนน้ำเชื่อมเดือดสักครู่ ยกลงพักไว้แช่ตัวขนม

ส่วนแป้งขนม
1. แป้งสีเขียว ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่น้ำใบเตย (อุ่น) ลงไปนวดจนแป้งเหนียวเนียน คลุมพลาสติกใสพักไว้

2. แป้งสีเหลือง ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่เนื้อฟักทองต้มบดนวดให้เข้ากัน นวดต่อด้วยน้ำอุ่นจนเหนียว คลุมพลาสติกใสพักไว้

3. แป้งสีม่วง ผสมแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน ใส่เนื้อเผือกและมันต่อเผือกต้มบด นวดให้เข้ากัน นวดต่อด้วยน้ำอุ่นจนเหนียว คลุมพลาสติกใสพักไว้

4. ปั้นแป้งขนมสีเขียว เหลืองและม่วง ตามลำดับ โดยแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ คลึงเป็นเส้นสั้นๆแล้วจับปลายทั้งสองด้านมาซ้อนกัน (ลักษณะคล้ายไข่ปลาสลิด) ปั้นใส่ถาดโรยแป้งนวลเล็กน้อย

5. ใส่น้ำ 3/4 ของหม้อ ตั้งไฟแรงจนกระทั้งเดือด ลดไฟลงปานกลาง ค่อยๆหย่อนแป้งที่ปั้นไว้ลงไปต้มจนแป้งสุกลอยขึ้นมา ใช้กระชอนตักขนมแช่ในน้ำเชื่อมที่ทำไว้ในตอนแรก 20 นาที เพื่อให้ขนมมีความหวาน

6. ใช้กระชอนตักขนมจากน้ำเชื่อมมาคลุกกลับมะพร้าวทึนทึกที่คลุกเกลือไว้

7. จัดใส่จานเสิร์ฟโรยด้วยงาคั่วขาวมากน้อยตามต้องการ

Credit:สูตรอาหารและภาพ http://goo.gl/0NaOYT

แผงลอยต่งจังหวัด

  แผงลอยตลาดนัด เป็นตลาดนัดในต่างจังหวัด ราคาค่าแผงลอยถูกมากๆ เคยถามคนขายคนหนึ่ง ว่าเท่าไหรต่อวัน เขาบอกว่า 20 บาท/วัน ตลาดเขาก็ทำแบบง่ายๆ ย...