แกงเลียงปลาย่าง

ภาพ http://goo.gl/6UL9sz

“มันเสา” พืชพื้นบ้านที่มีมาแต่โบราณ เป็นพืชหัวอยู่ใต้ดิน รูปทรงกระบอกยาวตรง บางครั้งมีความยาวมากกว่า 2 เมตร ขึ้นอยู่กับอายุของต้น ผิวด้านนอกมีสีน้ำตาล เนื้อด้านในมีสีขาวครีม และมียางเมือกในเนื้อมัน
ด้วยภูมิปัญญาของชาวมอญลุ่มน้ำแม่กลองจังหวัดราชบุรีในอดีต ที่ได้นำมันชนิดนี้ขึ้นมาประกอบอาหารเพื่อรับประทาน โดยเฉพาะในช่วงหลังฤดูฝนไปจนถึงฤดูร้อน ไม่ว่าจะนำมาหั่นเป็นลูกเต๋าขนาดเล็ก หุงผสมกับข้าว เพื่อเพิ่มปริมาณ รสชาติ และความหอม รวมไปถึงอาหารคาวหวาน ทั้งแกงบวช มันเชื่อม

ภาพ http://goo.gl/6UL9sz

 แต่ที่นิยมทำรับประทานกันมากที่สุดจวบจนปัจจุบันก็คือ “แกงเลียงมันเสาปลาย่าง
ชาวไทยเชื้อสายมอญบ้านคุ้งพะยอม อ.บ้านโป่ง กล่าวว่า วิธีการทำเริ่มจากนำหัวมันมาปลอกเปลือก ล้างให้สะอาด เฉาะให้เป็นชิ้นพอดีคำ พักไว้ แล้วหันไปตำเครื่องแกงที่ประกอบด้วย กระเทียม พริกไท กะปิ และปลาย่าง จากนั้นตั้งไฟต้มน้ำให้เดือด นำเครื่องแกงใส่ลงไป รอจนเดือดอีกครั้งจึงใส่มันเสาและปลาทูย่าง ต้มจนเนื้อมันเสาสุกนิ่ม แล้วจึงใส่ใบตำลึงลงไป ก็พร้อมเสิร์ฟ
 รสชาติที่ได้จะมีความเค็มจากกะปิ และมีความเผ็ดร้อนจากพริกไท พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของปลาย่าง รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยได้ง่ายๆ
................
Cr: http://goo.gl/6UL9sz

ผักแกง" อ้อดิบหรือคูน"ชือภาษาอังกฤษ คือ Taro Stalk "Bac Ha"

วันนี้ และเมื่อหลายหลายครั้งหลายปีมาปีมาแล้ว เวลาได้ไปในเมืองมักจะแวะซื้อ ผัก อาหาร เครื่องสมุนไพรสำหรับทำแกงไว้ในครัวด้วย
และหากว่า เจอ " อ้อดิบ" คนปักษ์ใต้จะเรียก "คูน" ว่า อ้อดิบครับ เกิดสงสัยว่า อ้อ/คูน (Taro Stalk "Bach Ha")ภาษาอังกฤษ ชื่อไรกันแน่....เพราะว่า ปกติผมชอบ นำอ้อดิบ มาทำแกงเหลือง อ้อดิบ ทอดปลา (ใส่ปลา)นั้นเอง จะใส่ผักอื่นลงไปด้วยครับ เช่น กะหล่ำปลี/มะเขือเปราะ/ เครื่องแกง สำหรับปรุงแกงเหลือง อ้อดิบ คูน (Taro Stalk "Bach Ha") ใส่ปลา พริกแห้งและพริกสด สัดส่วนพอๆกันตามชอบ /หอมแดงหากมี 1หัว/กระเทียมตามชอบครับ(ห้ามขาดกระเทียมเด็ดขาด)/ ขมิ้นชั่น กะเอา/ กะปิ 1ช้อนโต๊ะ/น้ำปลา/ มะนาวหรือน้ำมะขามเปียก/
        กรรมวิธี/พริก/กระเทียม/หอมแดง/ขมิ้นชัน/ตำให้ละเอียดดี ใส่กะปิ ตามลงตำ
หั่นผักที่ใช้ ของผมมี กะหล่ำปลี มะเขือเปราะ (กะพอดีส่วนที่ต้องการให้พอดีกับเครื่องแกง)หั่นคูน หรือ อ้อดิบ ล้างน้ำ เด็ดน้ำวางไว้ ล้างปลาให้สะอาด
   หม้อต้มน้ำร้อน ใส่เครื่องลงไป ปลา ผักที่เตรียมไว้ ใส่ลงไป (หากที่บ้านมี กุ้งติดอยู่ในตู้เย็น ใส่ไปด้วยตามชอบครับ)ผมชอบใส่กุ้งขนาดกลาง ราวๆ5-7ตัวลงไปด้วย เพราะว่ากุ้งมันทำให้น้ำแกง หอมหวานเข้มข้นตามธรรมชาติโดยเราไม่ต้องใช้ น้ำตาล ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุทำให้อ้วนครับ....
      เติมน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ /น้ำมะนาว/หรือมะขาม แกงเดือดส่งกลิ่นหอมหอม ดีแล้ว ดูผัก ปลา สุกเข้ากันดี ชิมรสตามชิบครับ
   ปล,ผมตั้งใจนำเรื่อง "อ้อดิบ/ คูน/ (Taro Stalk "Bach Ha") มาฝากครับ.....ซึ่งคัดลอกมาจาก "วิกิพีเดีย"ภาคภาษาอังกฤษ...ดั่งนี้ครับ....
ภาพ Wikipedia, the free encyclopedia

Colocasia gigantea (also called giant elephant ear or Indian taro) is a 1.5–3 m tall herb with a large, fibrous, inedible corm, producing at its apex a whorl of large leaves. The leaf stalk is used as a vegetable in some areas in South East Asia and Japan.

Known as bạc hà in southern Vietnam and by Vietnamese speakers in the U.S (while it is called and bạc hà refers to a culinary mint herb in northern Vietnam ), it is often used in canh chua and bún (rice vermicelli soup).

In Japanese, it is called hasu-imo (literally, "lotus yam") in general and ryukyu in Kochi Prefecture as it is originated in Ryukyu Kingdom. It is sometimes used as an ingredient of miso soup, chanpuru and sushi. A Japanese term zuiki means the leaf stalk of both C. gigantea and C. esculenta. Higo-zuiki, made of a dried stalk and produced solely in Kumamoto Prefecture (or Higo Province), is a sex toy with a history of several hundred years, containing saponin which is considered to affect sexual pleasure.

C. gigantea is close to Alocasia macrorrhizos and is thought to be produced from natural crossing between A. macrorrhizos and C. esculenta.
 Wikipedia, the free encyclopedia
 

สลัดผักรวมอาหารเพื่อสุขภาพ ทานแล้วไม่อ้วน

สลักผักทำทานเองง่ายๆ
มีผักอะไรก็ใส่ลงไป..ทานแล้วไม่อ้วน
ผักของเราวันนี้มี..
ผักชี หั่นเล้กๆ
ถั่วดำต้มสุก
ถั่วดำนี้เราซื้อสำเร็จรูปค่ะ
พริกหยวก กรอบๆอร่อยค่ะ
มะเขือเทศลูกใหญ่
หอมหัวใหญ่ หั่นมาตามชอบ
ปกติ จะมีอะโว้กาโด้ ด้วยอีกอย่าง แต่วันนี้ขาด(ไม่เป็นไร)
ผักสลัด ที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต
ไข่(หรือเนื้อไก่ปรุงสุกแล้ว)
วันนี้เราทำน้ำสลัดแบบยำ
ปกติจะมีน้ำสลัด สำเร็จรูปไว้ติดตู้เย็น ง่ายๆ
......................
เปลียนมาเป็น ยำสลัดแทน
คือมีมะนาว กะใช้แต่น้ำของมัน/พริกสวนสดๆ/น้ำปลา/น้ำตาลนิดเดียว(จริงๆไม่ใช้เลย แต่ลงไว้เผื่อว่าบางทานชอบออกรสหวาน)
จากนั้นก็จัดการ ปรุงน้ำยำเลยค่ะ เปรียว หวาน เค็มตามชอบ เมื่อได้ทีแล้ว ก็จัดการราดลงไปเลย
คลกเคล้าให้กัน ทานเลยจร้าาาา



อาหารสุขภาพทานแล้วไม่อ้วน"เมนู หมกหัวปลีใส่ไก่/สองสูตร..."

หมกไก่วุ้นเส้น....

วันนี้นำเมนูสุขภาพที่อุดม?ไปด้วย ผักสมุนไพร และเครื่องเทศ ทานแล้วเผาผลาญดี แถมย่อยง่ายด้วย ท้องก็ไม่อืด สรุปทานแล้วไม่อ้วนค่ะ(เว้นแต่ว่าทานเยอะไปคือคุมปากไม่อยู่)อิอิล้อเล่นจ้ะ หากรู้ตัวว่าทานเยอะไป
หลังจากอาหารทานเรสร็จแล้ว ก็ออกไปเดินเล่น 15 นาที เพื่อช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารและเผาพลังงาน โอเคเลยจ้าาา สำหรับท่านห่วงกลัวจะอ้วน...งั้นมาเรื่องทำ หมกไก่ กันเลยค่าาาา
เมนู หมกหัวปลีใส่ไก่/สองสูตร...
-เตรียมเครื่องปรุงปละวัตถุดิบ -หัวปลี1หัว -ใบแมงลัก กะพอประมาณ/ -เนื้อไก่ส่วนไหนก็ได้จ้ะกะพอกะสมาชิกในบ้าน/พริกแห้ง/ ตามชอบเผ็ดหรือไม่ชอบเผ็ด/กระเทียม/ตะไคร้ 1-2 หัว/กะปิอย่างดี 1 ช้ินโต๊ะ/น้ำปลาร้าพอประมาณ /ใบตอง/ไม้กลัด(ใช้ไม้จิ้มฟันก็ได้คะ)/หัวหัวแดงก็กะพอปรมาณจ้ะ

 วิธีทำหมกหัวปลีไก่....
 1.ตัดใบตองพอเหมาะ เช็ดทำความสะอาด นำมารนไฟ เพราะใบตองจะได้ไม่กรอบ สะดวกต่อการห่อ หรือนำไปตากแดดก็ก็ได้.
2.ล้างไก่ จากนั้นหั่นไก่ให้พอดีคำ.
3.หั่นหัวปลีแกะเอาแต่อันอ่อนๆ เอาแต่อันขาวๆนวลๆ จากนั้นก็ซอยลายขวาง

 4.นำ หอมแดง กระเทียม พริก ตะไคร้มะโขลกให้ละเอียดใส่กะปิลงไป.
 5.จากนั้นก็นำไก่ หัวปลีที่เตรียมไว้มาคลุกเคล้ากัน และนำเครื่องแกงที่ตำ มาคลุกเคล้ากัน.
6.ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป 1 ฟอง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า ผงชูรส ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ
 7.ใส่ใบแมงลักลงไป เพิ่มความหอม
 8.จากนั้นนำใบตองมาห่อค่ะกลัดด้วยไม้
 9.จากนั้นนนำมานึ่งค่ะ ใช้เวลา 30-45นาทีค่ะ
สุกดีแล้วก็จัดการ ทานข้าวร้อนๆได้เลยจร้าา
ใช้หม้อหมกไก่วุ้นเส้น....

สูตรที่สอง..
หมกไก่ใส่วุ้นเส้นลองทำดูอร่อยดี...
วุ้นเส้นห่อ แช่นำให้นิ่มกะพอกับสมาชิกในบ้าน
ใบมะกรูด ฉีกหรือหั่นก็ได้ ฉีกก็จะเพิ่มความหอมดี
น้ำปลา / น้ำตาล/ กะพอประมาณ เอาไม่หวาน หรือไม่ใช้ก็ได้ ปกติที่บ้านจะไม่ใช้น้ำตาล  (ชูรสแล้วแต่ชอบ จะใส่น้ำปลาร้าด้วยก็ได้)

-ต้นหอมหั่น- ใบแมงลักใส่ตามใจชอบถ้ามี
ไก่จะเอาส่วนเนื้อล้วนๆหรือใครที่ชอบเทะกระดูกอ่อน ก็ได้ ที่บ้านชอบไก่ติดกระดูก หั่นเป็นชิ้นเล็กตามชอบ
-ข้าวเหนียวที่ยังไม่หุง ประมาณ หยิบมือนำมา แช่น้ำ
- ตะไคร้หั่นตามชอบ
-ข่าหั่นพอประมาณ
-หอมแดงชอย
- พริกแห้ง ตามชอบ
-ข้าวเหนียวที่แช่ไว้ จะปั่นหรือตำก็ได้ /ปั่นหรือตำข้าวเหนียว พอหยาบๆ

ตามด้วยเครื่องที่เตรียมไว้ (ตะไคร้-ข่า-หอมแดง- พริกแห้ง-ข้าวเหนียว)ตำหรือปั่น ให้เข้ากันจะละเอียด/หรือกะดูว่าเครื่องส่งกลิ่นหอม ก็ใช้ได้
จากนั้น นำไก่ ใบแมงลัก  ต้นหอม วุ้นเส้น ที่ตัดหยาบๆดีแล้ว มาคลุกให้เข้ากันกับเครื่องที่ตำ คลุกบีบๆปรุงด้วยด้วยน้ำปลาร้าและน้ำปลา
(ระวังน้ำปลาไม่เยอะ ประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ เพราะน้ำปลาร้าก็ออกจะเค็มนำ)

หากมีใบตองก็ห่อด้วยใบตอง/พอดีที่บ้าน ไม่มีใบตอง เราใช้หม้อแทน ค่อยๆผัดและคนๆให้ทั่วเข้ากัน ไม่ให้ไหม้ขณะตั้งไฟแรง-ปานกลาง
ใส่น้ำลงไปนิดหน่อย ไม่มากและไม่ให้แห้ง กะดูไก่สุกดีแล้ว  ปิดฝาหม้อ ผ่อนไฟลงตั้งไฟอ่อนประมาณ 5นาที จากนั้นก็ยกตักเสริฟได้จ้ะ

เมนูอาหารบ้านๆ แกงผักหวานไข่มดแดง พร้อมวิธีทำ

วันนี้จัดเมนูอีสานๆ มา รับรองรสชาติแซบๆ แบบฉบับอีสานของแท้เลยที่เดียว ช่วงนี้ผักหวานและไข่มดแดงกำลังชุกพอเหมาะเลยที่เดียว
จัดการหาวัตถุดิบ เตรียมไว้ให้พร้อม..แล้วก็มาเข้าครัวลงมือจัดการเมนู แกงผักหวานไข่มดแดง แซบๆกันเลยค่ะ

แกงผักหวานไข่มดแดง
วัตถุดิบและเครื่องปรุง

1. ผักหวานป่า 2 กำมือ ถ้าใส่มากหน่อยก็แล้วแต่เราค่ะ ใส่มากก็แซบ

2. ไข่มดแดง 1 ถ้วย ใส่มากกว่านี้ก็ได้ค่ะ แซบๆๆ

3. ใบแมงลัก 1 กำมือ

4. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

5. ปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ

6. น้ำ 1 ถ้วย

7. พริกแห้งหรือพริกสด 5 เม็ด

8. ตะไคร้ 1 ต้น

9. หอมหัวแดง 5 หัว

10. ใบมะกรูด

11. เกลือป่นเล็กน้อย

การปรุงเมนูแกงผักหวานไข่มดแดง...

1. โขลกเครื่องแกงให้เรียบร้อย ประกอบด้วย พริก หอมแดง ตะไคร้ และเกลือป่น )

2. ล้างผักหวานและไข่หมดแดงให้สะอาด

3. ตั้งหม้อใส่น้ำพอเหมาะ รอจนน้ำเดือด ใส่พริกแกง ทิ้งไว้ซักแป๊บ จากนั้นจึงใส่ผักหวานและไข่มดแดง

4. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและปลาร้าเมื่อสุขแล้วก่อนยกลงให้ใส่ใบแมงลัก
.............
สูตรที่สอง แกงผักหวานไข่มดแดง.....
วัตถุดิบ แกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง

1. ยอดผักหวานป่า 275-365 กรัม เอายอดอ่อนนะค่ะ
2. ไข่มดแดง 1-2 ช้อนโต๊ะ (มีเยอะก็ใส่เยอะก็ได้ค่ะ)
3. กระเทียม 3-4 กรีบ
4. ผักอีตู่หรือใบแมงลัก  1 หยุม หรือ 1หยิบ
5. น้ำปลาร้า 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือใส่เกลือแทนก็ได้
6. น้ำปลา
7. ผงชุรส
8. น้ำสะอาด
9. ใส่เนื้อปลาช่อนก็ได้(หั่นเป็นแว่น)หรือใส่ปลาแห้งก็ได้ หรือไม่ใส่เลยก็ได้
10. ตะไคร้ 1 หัว
11. หัวหอมแดง 2 หัว
12. พริก 4-5 เม็ด

วิธีทำแกงผักหวานป่าใส่ไข่มดแดง

1. ล้างผักและไขมดแดงให้สะอาดนะค่ะ
2. โขลกเครื่องแกงคือ ตะไคร้ หัวหอมแดง พริกทั้งหมดรวมกันค่ะ
3. ตั้งหม้อต้มน้ำนะค่ะ พอเดือดใส่เครื่องแกงลงไปค่ะ ตามด้วย ปลาช่อนหรือปลาแห้ง นะค่ะตามด้วยผักหวานป่าและไข่มดแดง เติมน้ำปลาร้าลงไปให้หอมๆ
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา(เกลือ) ผงชูรส ตามใจชอบ ผงชูรสจะไม่ใส่ก็ได้นะค่ะ
5. พอผักยุบและเนื้อปลาสุกแล้วใส่ผักอีตู่ลงไป คนๆให้เข้ากัน ยกลง ตักใส่ถ้วย ซดร้อนๆเลย  รับรองแซ่บหลายค่ะ
ลองดูนะค่ะ รับรองจะติดใจทั้งครอบครัวแซบมากค่ะขอบอก
...................
เครดิต สูตร แกงผักหวานไข่มดแดง นสพ ข่าวสด

เกร็วความเป็นมาประวัติ"แกงเหลือง"


แกงเหลือง เป็นอาหารชนิดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย ในท้องถิ่นเรียกว่า แกงส้ม ซึ่งมีความแตกต่างจากแกงส้มของไทย ทั้งในด้านรสชาติ เครื่องปรุง วิธีการปรุง กลิ่น และสีสันของน้ำแกงที่ปรุงเสร็จแล้ว

ส่วนวัตถุดิบที่นิยมนำมาทำเป็นแกงเหลืองนั้นคล้ายกับแกงส้มของไทย เช่น ปลา กุ้ง หรือ หมูสามชั้น และใช้ผักต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณและรสชาติ หรือบางครั้งใช้หน่อไม้ดอง

เครื่องปรุงพริกแกง
เครื่องปรุงต่างขึ้นอยู่กับปริมาณของวัตถุดิบ ของปลา กุ้ง ผัก และรสชาติตามชอบ

พริกขี้หนูสดหรือแห้ง
ขมิ้นชัน
กระเทียม
กะปิชนิดสำหรับแกง
น้ำมะนาวสด หรือ น้ำมะขามเปียก (บางครั้งใช้ยอดมะขามอ่อน)
เกลือ, น้ำปลาปรุงรส

วิธีปรุง
นำพริกขี้หนู ขมิ้นชัน กระเทียม เกลือในปริมาณเล็กน้อย โขลกรวมกันให้ละเอียด (หรือใช้เครื่องปั่นเอนกประสงค์) จากนั้นใส่กะปิลงไปรวมกันอีกครั้งหนึ่งตำให้เข้ากันจากนั้นพักไว้
หั่นปลาให้ขนาดพอเหมาะจากนั้นล้างสะอาดแล้วพักไว้ หากใช้กุ้งให้แกะเปลือกออก
นำผักมาล้างให้สะอาดจากนั้นหั่นให้มีขนาดพอเหมาะแล้วพักไว้
นำเครื่องแกงที่โขลกไว้ผสมน้ำในปริมาณเพียงพอที่จะให้น้ำท่วมตัวปลาและผักแล้วนำไปตั้งไฟระดับปานกลาง
เมื่อน้ำเดือดให้ใส่ผักลงไปรอจนผักสุก
ใส่เนื้อปลาหรือกุ้งที่เตรียมไว้ หากเป็นปลาไม่ควรคนมากเพราะจะทำให้เนื้อปลาขาดจากกัน รอจนปลาสุก
ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว (น้ำมะขามเปียก) ตามชอบ อาจปรุงรสเพิ่มเติมด้วยน้ำปลา
...........
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาหารประดิษฐ์ Thai centerpieces

ขอบคุณภาพ..เฟส คุณ Muiju Bobrown เท่าที่ติดตามผลงานเธอมา
ซึ่งได้ผลิตงานอาหารด้านศิลปะสวยๆอย่างน่าชื่นชม















อาหารถูกจัดอย่างสวยงาม
พิธีบูชาข้าวพระ/ณ วัดพระธรรมกาย ประเทศไทย


ปอเปี๊ยะสด

เครดิตภาพ https://goo.gl/4DODNE
วัตถุดิบ
1. แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ (แผ่นบางๆ นิ่มๆ) 1/2 กิโลกรัม
2. หมูตั้ง (นึ่งพอสุกนิ่ม-หั่นเป็นแท่งยาวๆ 3”หนา 1/2ซม) 3 ขีด
3. เนื้อหมูสันนอก (หั่นเป็นเป็นแท่งยาว 5”) 3 ขีด
4. เต้าหู้เหลืองแผ่น (หั่นแป็นแท่งยาว 2”หนา 1/2ซม) 1 แผ่น
5. กุนเชียง (ทอด-หั่นเป็นท่อน 1 ท่อน 9 ชิ้น) 1 คู่
6. แตงกวา (ตัดหัวท้าย-หั่นเป็นท่อน) 4-5 ลูก
7. ผักกาดหอม 1/2 กิโลกรัม
8. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ้วขาว (1 ชช บัวแดง 1ชต) 3 ช้อนโต๊ะ
10. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
11. แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
13. ถั่วงอก (ลวก-ผ่านน้ำเย็น-สเด็ดน้ำ)
น้ำจิ้ม
14. น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
15. น้ำตาล 1 ถ้วย
16. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
17. ผงพะโล้ 1 ช้อนโต๊ะ
18. แป้งมันหรือท้าวยาวม่อม (ละลายน้ำ) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. กะทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดผงพะโล้กับหมูเส้น จนสุกหอม ปรุงรสด้วน้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ ใส่เต้าหู้เหลือง ค่อยๆ ผัดอย่าให้แตกหรือหัก แป้งสาลี (1 ชต) ผัดชิมรสให้จัด
2. แผ่นปอเปี๊ยะ ใส่ผักกาดหอม หมู เต้าหู้ กุนเชียง แตงกวา ถั่วงอก ใช้ผักเป็นตัวม้วนเป็นท่อนแล้วพันแป้ง ห่อด้วยใบตองตัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า กันแป้งแข็ง เวลาตัดแบ่งให้ได้ 4 คำ
3. น้ำจิ้ม – กะทะที่ผัดไส้ ใส่น้ำมะขาม น้ำตาล เกลือ คนให้เข้ากัน แป้งท้าวละลายน้ำ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ให้มีรสเปรี้ยว หวานนิดๆ อย่าให้น้ำเหนียวจนเป็นก้อน
4. เสริฟ ปอเปี๊ยะตัดให้ได้ 4 คำ ห่อไว้ด้วยใบตอง ถ้วยจิ้มราด ถ้วยแยกน้ำบ๊วย มัสตาร์ด พริกแดงโขลกละเอียด ต้นหอม
..
เครดิตสูตร http://www.foodtravel.tv/recfoodShow_Detail.aspx?viewId=1061

เมนูขนมไทยโบราณ สูตรข้าวเหนียวขนุน และวิธีมูนข้าวเหนียว พร้อมวิธีทำ


เครดิตภาพ https://www.wongnai.com
ข้าวเหนียวมูนห่อขนุน นับเป็นภูมิปัญญาคนไทยที่ชอบคิกหารูปแบบอาหาร ขนุนทานเปล่าๆก็นับว่าหวานกรอบอร่อยแล้วพอเติมข้าวเหนียวมูนเข้าด้วยก็กลายเป็นเมนูแปลกขึ้นโต๊ะไว้รับแขกได้อย่างหรู
ข้าวเหนียวขนุน และวิธีมูนข้าวเหนียว
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวเหนียวขนุน
1. ขนุน 1 ลูก
2. หัวกะทิ 1 ถ้วย
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5. ข้าวเหนียวมูน 1 กิโล
วิธีการมูนข้าวเหนียว
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวเหนียวมูน
1. ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่ 1 กิโล
2. หัวกะทิ 1 กิโล
3. น้ำตาล 1/2 กิโล
4. เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
5. น้ำใบเตย 2 ช้อนโต้ะ
ขั้นตอนการทำข้าวเหนียวมูน
1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด จากนั้นนำข้าวเหนียวไปแช่น้ำ ประมาณ 3 ชั่วโมง
2. เตรียมกะทิ โดย เอาหัวกะทิไปต้ม ผสมน้ำตาลและเกลือ และน้ำใบเตย ผสมให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน จากนั้นพักไว้ก่อน
3. นำข้าวเหนียวไปนึ่ง ให้สุก การนึ่งข้าวเหนียวต้องนึ่งให้พอดีไม่สุกเกินไปเพราะจำทำให้ข้าวเหนียวมูนไม่เป็นเม็ด ถ้านึ่งใช้เวลาน้อนเกินจำทำให้ข้าวเหนียวแข็งและไม่สุก ดังนั้นการนึ่งข้าวเหนียวให้สุกพอดีต้องให้ความชำนาญสูงเพื่อรู้ว่าข้าวเหนียวสุกพอดีประมาณไหน
4. ข้าวเหนียวสุก ให้นำข้าวเหนียวร้อนๆลงไปใส่ในน้ำกะทิที่เตรียมไว้เลย คลุกให้น้ำกะทิถึงข้าวเหนียวทุกเม็ด จากนั้นพักไว้ 10 นาที หลังจากนั้นก็คลุกอีกและพักให้น้ำกะทิเข้าเนื้อข้าวเหนียว พักให้เย็นก้สามารถรับประทานได้ ข้าวเหนียวมูนสามารถทานกันเครื่องมากมาย เช่น สังขยา มะม่วงสุก หรือ ทุเรียน
ขั้นตอนการทำข้าวเหนียวขนุน
1. ปอกขนุนออกมา และเอาเม็ดขนุนออก จากนั้นพักขนุนใส่จานไว้
2.ทำกะทิราดโดยต้ม หัวกะทิผสมน้ำตาลและเกลือ ผสมให้เข้ากันจากนั้นพักให้เย็น
3. นำข้าวเหนียวมูนยัดใส่ขนุนแทนที่เม็ดขนุน จากนั้นจัดเรียงใส่จานให้สวยงาม ราดด้วยน้ำกะทิ
**
Cr. http://goo.gl/VxVdGZ

เมนูอาหารไทย สูตรปลาหมึกยัดไส้ทอดกระเทียม พร้อมวิธีทำ

ภาพ http://goo.gl/atsSaU
เมนูอาหารไทย สูตรปลาหมึกยัดไส้ทอดกระเทียม พร้อมวิธีทำ
ปลาหมึกยัดไส้ทอดกระเทียมหอมกรุ่นจะทานเป็นอาหารว่างหรือทานกับข้าวสวยร้อนๆก็ได้เด็กๆหรือลูกหลานของท่านต้องชอบเมนูนี้มากๆ
วัตถุดิบ
- ปลาหมึก 3 ตัว (น้ำหนัก 200 กรัม)
- หมูสับ 100 กรัม
- ต้นหอม 1 ต้น
- รากผักชี 1 ราก
- กระเทียมกลีบเล็ก 3 ชต.
- พริกไทยป่น 1/2 ชช.
- น้ำตาลทราย 1/2 ชช.
- น้ำมันหอย 2 ชช.
- น้ำปลา 2 ชช.
- เกลือ 1/2 ชช.
- น้ำมันปาล์ม 1 ลิตร
วิธีทำ
1. ทุบกระเทียม และสับพอหยาบ แบ่งกระเทียมออกมา 1 ชช. สับให้ละเอียด
2. สับรากผักชีให้ละเอียด รวมถึงซอยต้นหอม พักไว้ก่อน
3. นำกระเทียมที่สับละเอียด ต้นหอมซอย รากผักชี มาหมักรวมกับหมูสับและเครื่องปรุง ได้แก่ น้ำปลา น้ำตาล น้ำมันหอย พริกไทยป่น
4. นำหมูสับที่หมักไว้แล้วยัดใส่ลงในตัวปลาหมึก ใช้มีดบั้งตัวปลาหมึก
5. นำกระเทียมที่สับไว้พอหยาบมาคลุกกับเกลือ พักไว้ก่อน
6. ตั้งน้ำมันให้ร้อน นำปลาหมึกลงทอด เมื่อสุกแล้วสะเด็ดน้ำมัน
7. นำกระเทียมที่หมักเกลือไว้แล้วลงทอดให้เหลืองกรอบ
8. จัดเสิร์ฟโดยโรยกระเทียมไว้บนตัวปลาหมึก เป็นอันเสร็จ
**
Cr. http://goo.gl/atsSaU

แกงเหลืองปลาทู(ทอด)อ้อดิบ สูตรคนพัมลุง

แกงเหลืองปลาทู(ทอด)อ้อดิบ สูตรคนพัมลุง
วันก่อนไปซื้ออาหารจากซุปเวียดนาม เจออ้อดิบ และปลาทู กลับมมาทำอาหาร แกงส้ม หรือแกงเหลือง
อ้อดิบ ลอกเปลือกนอกออก หั่นชิ้นๆลงแช่น้ำ เสร็จแล้วเด็ดน้ำ...
ต่อด้วยล้างปลาทูให้สะอาด...พักไว้เด็ดน้ำ
เตรียมเครื่องแกง...
น้ำมะขามเปียก(มีสำเร็จรูป)
พริกสด กะเอา..ปริมาณไม่แน่แล้วแต่คนชอบเผ็ดน้อย-มาก
กระเทียม กะตามชอบ
หอมแดงตามชอบ(นิดหน่อยไม่มาก)
ขมิ้น..
กะปิ
น้ำปลา
วิธีทำ
โขลกเครื่องแกงให้ ละเอียดดีแล้ว ผสมกะปิลงไปในครกและโขลกเครื่องแกง กะปิ ต่อให้เข้ากัน
หม้อภาชนะสำหรับต้มน้ำแกง ขั้นตอนคือใส่น้ำ กะพอดีให้น้อยไว้ก่อน หากว่าปริมาณน้ำไม่พอไว้เติมได้...ที่หลัง
ตักเครื่องแกงใส่ลงหม้ำน้ำร้อน
ปลาตาม
อ้อดิบตาม
ปรุงด้วยน้ำปลาอย่างดี 2ช้อน
น้ำมะขามเปียกที่เตรียมไว้ตามชอบ ชิมดูเปรี้ยวมาก-น้อย
ที่บ้านไม่ใช้ผงชูรสครับ เพราะว่าชูรสมีอยู่มากพอแล้วในน้ำปลาและผัก
ไฟระดับปานกลาง/คอยดูว่าน้ำแกงเดือด/ส่งกลิ่นหอมทั่วบ้าน/ชิมรสชาตจัดจ้านอันเป็นใช้ได้
หากว่าที่บ้านท่านมีไข่ไก่เหลือ สอง-สามฟอง..จัดการเลยครับ...ทอดไข่เจี้ยว
ทานคู่กับ แกงเหลืองวันนี้... รับรองว่าจะเข้าคู่กันดีมากๆ
ทานคู่กับข้าวสวย/ผักสด/สะตอ/ลูกเนียง/สุดยอดไปเลยครับบบบบบบบ
...............
ปล,ที่ผมเขียนว่า ไปซุปเวียดนาม คือขณะที่เขียน สูตรแกงเหลืองคนพัทลุง ผมอาศัยอยู่อเมริกาครับ
เกรงเพื่อนๆและท่านที่เข้ามาอ่าน จะ งง ว่าทำไมต้องไปซื้อปลาทู ที่เวียดนาม
คือว่าที่เมกา จะมีคนเวียดนาน เปิดธุรกิจ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ขายของจากเอเชียเราเป็นส่วนมากครับ...

แผงลอยต่งจังหวัด

  แผงลอยตลาดนัด เป็นตลาดนัดในต่างจังหวัด ราคาค่าแผงลอยถูกมากๆ เคยถามคนขายคนหนึ่ง ว่าเท่าไหรต่อวัน เขาบอกว่า 20 บาท/วัน ตลาดเขาก็ทำแบบง่ายๆ ย...