แกงส้มอ้อดิบของปักษ์ใต้บ้านเรา

เครื่องปรุง

1.อ้อดิบ 3 ก้าน (300กรัม)
2.ปลา 300 กรัม
3.ส้มแขก/มะนาว 10 ชิ้น
4.พริกขี้หนูแห้ง 30 เม็ด (30 กรัม)
5.ขมิ้น 1 นิ้ว (15 กรัม)
6.กระเทียม 2 หัว (20 กรัม)
7.เกลือ 1 ช้อนชา (8 กรัม)
8.กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
9.น้ำตาล 1 ช้อนชา (8 กรัม)

วิธีทำ

1. ล้างปลาให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาด 2 นิ้ว
2. ลอกเปลือกคูนออก หั่นตามขวางเป็นท่อนสั้นพอคำ ล้างให้หมดทราย
3. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
4. ใส่น้ำในหมอแกงประมาณ 3 ถ้วย นำเครื่องแกงที่โขลกไว้แล้วคนให้ละลาย ตั้งไฟให้เดือด ใส่ต้นคูนให้เดือด ใส่ส้มแขก (ทำให้มีรสเปรี้ยว) หากไม่มีส้มแขกอาจใช้น้ำมะนาวหรือมะขามแทนได้ ใส่ปลาเนื้อปลาสุก ปรุงรสตามชอบ แกงส้มออกดิบมักจะมีรสเปรี้ยวนำ



แกงส้มอ้อดิบของปักษ์ใต้บ้านเรา



เรียบเรียงโดย เพ็ชรสังข์.คอม ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

แกงเหลือง (แกงใส่ส้มของชาวพัทลุง)

แกงส้ม(แกงเหลือง) ชาวพัทลุง อำเภอควนขนุน และละแวกอื่นๆในจังหวัดพัทลุง จะเรียกแกงเหลืองว่าแกงใส่ส้ม...

แกงส้มของชาวควนขนุน จังหวัดพัทลุง ดังเดิม นิยมแกง หม้อใหญ่ๆไว้ทานแต่เช้าจดเย็น บางครัวแกงด้วยปลาสดๆล้วนไม่ใส่ผัก แต่บางครัวก็มีใส่ผัก อย่างมะละกอ ถั่งฝักยาว... อ้อดิบ(ภาษาชาวพัทลุง) มะเขือลาย หรือแกงส้มสะตอ






มาถึงเครื่องแกง เตรียมก็กะดูตามขนาดสมาชิกในบ้าน แกงหม้อใหญ่เล็กกะดู .... มีพริกแห้ง จะผสมพริกสด พริกสวนอย่างละพอๆกันก็ได้ ตัวอย่าง พริกแห้ง 10เม็ด พริกสด 10 เม็ด กระเทียม หอมแดง ขมิ้น กะเอาตามชบอ เกลือ(นิดนึงประมาณ ช้อนชา)  กะปิ ไว้ใส่ลงไปที่หลัง จากตำเครื่องละเอียดดีแล้ว ใส่กะปิลงตำให้เข้ากันเครื่อง



ต้มน้ำให้ร้อนดี ... อ้อ ปลาและผักพร้อม ... เครื่องแกงละเอียดดีแล้ว ใส่ลงไปในหม้อน้ำร้อน พอใกล้น้ำเดือดก็ใส่ปลา พอปลาสุกใส่ผัก  ส่วนความเปรี้ยวจะใช้มะขามหรือมะนาวก็ตามชอบใจ หากใช้มะขาม ก็ต้องรู้วิธีการทำน้ำมะขาม ก่อนเตรียมแกงต้องนำมะขามแช่น้ำอาจจะเป็นน้ำอุ่น หากว่าเป็นมะขามแก่ ก็ต้องต้มพร้อมกะเครื่องแกง จนมะขาม(เละ)นำมาโขลกคั่นเอาแต่น้ำรองเตรียมไว้ปรุง...เมื่อใส่ทุกอย่างลงหม้อแกงเสร็จปิดฝาให้น้ำแกงเดือด 5-7 นาที ก็มาชิมดูรส เค็มเผ็ด ความหวาน คนพัทลุงเวลาเขาแกงส้ม เขาไม่ใช้น้ำตาล เพราะความหวานได้จากผัก  จากเครื่องแกง และปลา .. เขาจะเน้นเปรี้ยวนำ เค็มตาม ... กะปิก็มีส่วนช่วยให้แกงออกมาอร่อย หากใช้กะปิอย่างดี


ตักทานกับข้าวร้อน ผักอะไรก็ได้ เช่น กระถิน ถั่วฝักยาว แตงกวา สะตอ ฯลฯ


แกงใต้อร่อยและเป็นที่นิยม" คั่วกลิ้ง"

เครื่องปรุง

◊ พริกแกง
◊ หอมแดง ๒ หัว
◊ กระเทียม ๓ กลีบใหญ่
◊ พริกไทย ๑๐ เม็ด
◊ ขมิ้น แง่งเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย
◊ ตะไคร้ ๒ ต้น
◊ พริกแห้ง ๑ ช้อนโต๊ะ (ก้อยใช้แบบบด)
◊ เกลือ นิดหน่อย
◊ โขลกทุกอย่างให้ละเอียดจะได้พริกแกงประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ
◊ หมูสับ หรือ เนื้อสับ ๓๐๐ กรัม
◊ ใบมะกรูดหั่นฝอย พอประมาณ
◊ ตะไคร้ซอย ๒ ต้น
◊ น้ำมันพืช นิดหน่อย

วิธีทำ

◊ ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย ใส่พริกแกงลงผัดจนหอม ระวังอย่าใส่น้ำมันเยอะเพราะเดี๋ยวคั่วจะไม่กลิ้ง จะกลายเป็นผัดพริกแกงไป
◊ พริแกงหอมดีแล้ว ใส่เนื้อหรือหมูลงไป ผัดจนเข้ากันดี ปรุงรสตามชอบแล้วคั่วไปเรื่อยๆ จนเนื้อกลิ้งได้
◊ ใส่ตะไคร้ซอยกับใบมะกรูดหั่นฝอย คั่วต่ออีกสักพัก ยกลงเสริฟได้เลยค่ะ คั่วกลิ้งยิ่งอุ่นหลายครั้งยิ่งอร่อย




แกงคั่วกลิ้งเป็นหนึ่งในบรรดาอาหารยอดนิยมที่มาจากภาคใต้ รสชาด อร่อย เผ็ดร้อน มันเค็ม ทานกับผักทุกชนิดด้วยข้าวร้อน เครื่องแกงที่มาจะสมุนไพล้วนๆ ช่วยกระเพาะอาหารย่อยง่าย ท้องไม่อืดเฟื้อ สมุนไพรในเครื่องแกงช่วยขับถ่ายสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย ลดไขมันในเส้นเลือด ทานแล้วไม่อ้วน อีกทั้งวิตามินจากผักต่างๆเช่นกะถิน สะตอ แตงกวา ถั่วฝักยาว ฯลฯ

แกงพุงปลาของชาวพัทลุง..อาหารยอดนิยมของคนใต้ที่ดังไปทั่วโลก

แกงพุงปลา(ไตปลา)เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวใต้ ที่มีเครื่องแกงประกอบไปสมุนไพรทานแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานแล้วไม่อ้วนแถมได้สุขภาพ สมุนไพร มีข่า ตะไคร้ ขมิ้น หอม กระเทียม พริกไทยดำ ใบมะกรูด และอื่นๆล้วนแล้วเป็นสมุนไพรที่คนโบราณนำมาปรุงยาต้มดื่นหรือทานรักษาเป็นยาอายุวัฒนะ คือไร้โรคทั้งหลายโรคเก่าโรคใหม่ห่างไกลเช่น โรคลมทั้งหลาย ไขข้อไม่ดี คือสารพัดโรค


อาหารภาคใต้ นับเป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้า มีรสเผ็ดจัดและชอบใส่เครื่องเทศมากๆ โดยเฉพาะขมิ้น เพื่อดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลจำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา คนใต้ชอบกินผักกับอาหารแทบทุกชนิด เพื่อช่วยลดความเผ็ด



วิธีการทำส่วนประกอบที่สำคัญของแกงพุงปลา คือพุงปลา และปลาย่าง พุงปลาที่นิยมรับประทาน ได้แก่ พุงปลาช่อน ปลาขี้เด (ปลากระดี่)ปลากระบอก ปลาทู หรือปลาอื่น ๆ ส่วนปลาย่างที่นิยมใช้ได้แก่ ปลาช่อน ปลากระเบน ปลาดุก ปลาทู ปลาแดง ฯลฯ เครื่องแกงใช้อย่างเดียวกันกับเครื่องแกงกะทิ หรือแกงเผ็ดทั่วไป ประกอบด้วย พริกขี้หนู ข่า ตะไคร้ พริกไทยดำ หอม กระเทียม ขมิ้น ผิวมะกรูด และกะปิ


เครื่องปรุงรส ที่สำคัญคือ เคยปลา(กะปิปลา)และใบทำมัง (ชะมัง) เคยปลาได้จากการนำปลาเล็ก ๆ มาคลุกเกลือ ตำพอแหลก ตากแดดแล้วตำจนละเอียดอีกครั้ง เก็บใส่ภาชนะไว้ประมาณ ๒๐ วัน จึงนำมาใช้แกงได้ใบทำมัง ได้จากต้นทำมัง ซึ่งเป็นไม้ยืนต้น ลักษณะเป็นไม้พุ่ม ใบดกหนาทึบ มีกลิ่นฉุนคล้ายแมงดา ชาวบ้านนิยมใช้ใส่ในแกงพุงปลา และตำผสมน้ำพริกแทนแมงดา การปรุงแกงพุงปลาหรือแกงน้ำเคย ขั้นตอนแรก เอาน้ำสะอาดใส่หม้อแกง ใส่พุงปลาและเคยปลา ต้มจนเดือด นำมากรองใส่อีกหม้อหนึ่ง เติมน้ำในปริมาณที่พอเหมาะกับเครื่องปรุง ต้มให้เดือด เอาเครื่องแกงที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ใส่ลงในหม้อแกง เอาปลาย่างที่ฉีกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไป ต้มให้เดือดจนเครื่องแกงและพุงปลาละลายเข้ากัน ต้มอีกประมาณ ๒๐ นาที ใส่ใบทำมัง ใบมะกรูด เพื่อให้กลิ่นหอม เพิ่มรสชาติให้ชวนรับประทาน การรับประทานแกงพุงปลา ถ้าจะให้ เอร็ดอร่อยมากขึ้น ต้องมี "ผักเหนาะ" ด้วย ผักเหนาะที่นิยมรับประทาน ได้แก่ ยอดหมุย ยอดมันปู ยอดหัวครก (มะม่วงหิมพานต์) บัวบก ผักกาดนกเขา มะเขือพวง สะตอ สะตอเบา (กระถิน) ลูกเนียง และลูกเหรียง เป็นต้น



ประโยชน์


ชาวพัทลุงนิยมใช้แกงพุงปลาหรือแกงน้ำเคย เป็นอาหารหลักในการเลี้ยงแขกของงานบุญต่าง ๆ ที่มีคนมาก ๆ เช่น งานบวช งานศพ และงานวัดต่าง ๆ เนื่องจากเป็นแกงที่ปรุงง่าย ราคาถูก และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป นอกจากแกงพุงปลาหรือแกงน้ำเคย จะมีบทบาทด้านวัฒนธรรมการกินของชาวพัทลุงโดยตรงดังกล่าวแล้ว ยังมีบทบาทด้านวัฒนธรรมอื่น ๆ อีก ที่สำคัญ คือ วัฒนธรรมด้านภาษากับชาวพัทลุง เนื่องจากแกงพุงปลาหรือแกงน้ำเคย มีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของชาวพัทลุงเป็นอย่างมาก จึงทำให้คำว่า "แกงพุงปลา" หรือแกงน้ำเคยเข้ามาอิทธิพลทางวัฒนธรรมด้านภาษาด้วย ดังจะเห็นว่าชาวพัทลุงนำคำว่า "แกงพุงปลา" หรือ "แกงน้ำเคย" ไปใช้ในการสื่อความหมายโดยนัย เมื่อเชื้อเชิญให้เพื่อนบ้านมาร่วมงานบวชนาคว่า "มากินแกงพุงปลากัน" หรือ "มากินแกงน้ำเคยกัน" ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดว่า แกงพุงปลาหรือแกงน้ำเคย มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ถึงกับใช้คำว่า " แกงพุงปลา" หรือ "แกงน้ำเคย" เป็นเครื่องสื่อความหมายแทนการส่งบัตรเชิญ


ขอบคุณพิเศษสูตรแกงพุงปลาจาก นครทูเดย์.คอม
http://www.nakhontoday.com/detail_news.php?n_id=892

แกงเผ็ดปลากะทิใบชะพลู



ปลาแกงเผ็ดกะทิใบชะพลู

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 (ตามเวลท้องถิ่นของอเมริกา) ตั้งใจไว้แต่เมื่อวานกะไปหาซื้อพริกสด ใบมะกรูด เครื่องแกงของแม่พลอย หรือไม่ก็ของ"อร่อย"...เป็นชื่อบริษัทที่ทำเครื่องแกงเผ็ด เครื่องแกงเขียวหวานส่งมาขายที่อเมริกา ชื่อ"อร่อย"และแม่พลอย ...ดีทั้งสองบริษัทค่ะ แต่มาปีหลังๆชักไม่ค่อยมั่นใจว่าเป็นของไทยเราเองหรือเปล่า เพราะเคยเห็นหลายสินค้าที่เมื่อก่อนมาจากบริษัทของไทยแต่เดี๋ยวโดนเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวสวมรอยแทน จะเล่าเรื่องอาหารที่พี่น้องลาวทำนิดหนึ่ง  เครื่องของเขาไม่ถึงพริกไม่ถึงเครื่องอย่างเครื่องแกงของคนไทยเราทำกินกัน หมายถึงพวกเครื่องสมุนไพร ข่า ตะไคร้ และอื่นๆ ไทยเราถึงกว่าเขา ที่นี่มีพี่น้องชาวลาวเยอะ หลายอย่างอาหารของเขาเราทานไม่ได้เลย  อ้าวรู้ได้งั้ย ก็เราไปวัดไทยเกือบทุกอาทิตย์ ทุกคนจะทำกับข้าวมาคนละอย่าง พี่น้องชาวลาวก็เช่นกัน ...เลยทำให้เราน่ะรู้ว่าอาหารของเขาอ่อนสมุนไพร(หรือเครื่องแกงเครื่องปรุง)




วันนี้บังเอิญมาเจอใบชะพลู.. ชื้อมาสองกำ(แพ็ค) กะนำมาแกงเผ็ดกะทิปลา  ทำเสร็จนั่งกินกะข้าวร้อนๆหุงใหม่จนเกือบหมดแล้ว...เลยนึกได้ว่าเราน่านำมาลงบล็อก และเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้เพื่อนฟังฮ่า




แกงกะทิ ที่ว่าเผ็ด คือ เราก็นำเครื่องแกงของแม่พลอยสำเสร็จรูปมาแกง  แต่ไม่ถึงพริกถึงข่า ตะไคร้ อีกทั้งขมิ้น มาจัดการกันเลยค่ะ พริกไทยดำลงไปราว 10-12 เม็ด หั่นข่าตามชอบ ตะไคร้ก็ตามชอบ ขมิ้นก็กะเอา พริกสด(พริกสวน)ตามชอบ กระเทียม 2 กลีบ หอแดง ตามชอบ จากนั้นก็ตำๆพอประมาณ



ต่อมาเราก็ตักเครื่องแกงของแม่พลอย(อันนี้สำหรับเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศนะค่ะ สำหรับเพื่อนที่เมืองไทย คงไม่ต้อง)เตรียมเครื่องได้ตามสะดวกตามชอบ เครื่องแกงแม่พลอยหรือเครื่องแกงของ"อร่อย"ตักมาประมาณปลายช้อนโต๊ะ ก็กะเอาพอประมาณ เราใช้เครื่องแกงพวกนี้ผสมเพราะเขามีกะปิและอื่นๆผสมมาดี แต่เราเป็นคนทานรสจัด เลยต้องนำมาปรุ่งเรื่องอีกครั้งเพื่อให้แกงออกมามีกลิ่นหอมด้วย พริกแกงเราใช้แทนกะปิไปด้วยในตัว... จากนั้นก็ตำๆให้ละเอียดเข้ากันดี



ตักเครื่องแกงลงหม้อภาชนะที่เตรียมไว้  ปลาอะไรก็ได้ เตรียมไว้ หรือหั่น ล้าง ให้สะอาด ตักเอาเครื่องแกงลงหม้อ..และเอาปลาลงตาม ใสน้ำไม่เยอะนะค่ะ เพราะเดี๋ยวจะมีกะทิ ตามมา หากที่เมืองไทยก็ใชน้ำจากหางกะทิได้เลยค่ะ  แต่ห้ามใส่ลงไปเยอะนะค่ะ(เติมน้ำได้ทีหลัง) ตั้งไฟจนร้อน...ดูปลาและเครื่องได้ที ก็ไส่หัวกะทิ ... อ้ออย่าลืมเด็ดใบชะพลูล้างน้ำสะอาด เด็ดน้ำไว้ก่อน  ดูน้ำเด็ดดีแล้ว ก็นำมาหั่น เตรียมใส่ลงแกง  ...กะทิส่วนหัว(กะทิข้น) ปรุงด้วย น้ำปลาอย่างดี2ช้อนโต๊ะ  เราไม่ใช้ชูรสและนำตาล เพราะความหวานมาจะปลา และกะทิ อีกเครื่องสมุนไพรบางอย่างกลมกล่อมดีอยู่....ตั้งไฟร้อนปานกลาง จนแกงดูได้ทีปรุงได้ที่ ใสใบชะพลู ดูได้ทีก็เสร็จทานได้เลยค่ะ


...................................
ที่มาภาพและบทความ บล็อกแก๊งดอทคอม

ดอล่าร์เบอร์เกอร์Dollar Bun บราวนี่ กาแฟ


อาหารเช้า...มื้อสำคัญ...วันหยุด...อาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556 ... ง่ายๆเพียงเปิดตู้เย็นออกมา...


หยิบแฮมเบอร์ดอลล่าร์บัน Dollar Bun...เข้าตู้ไมโครเวฟ... เคล็ดลับ..ตั้งเวลาคร้ง 45 วินาที 3ครั้ง แฮมจะได้ไม่แข็งกระด้าง อีกทั้งถนอมความอร่อยไว้เหมือเดิม





ส่วนกาแฟ....เป็นแคบน้อยๆแต่แรง...ท่านที่หัดดื่มไม่ควรใช้แคบกาแฟ..เพราะว่ามันออกจะแรงนิดหน่อย

“เตี๋ยวเหอะ” เด่นรสก๋วยเตี๋ยวเรือแนวใหม่




อาหารจานเดียวยอดนิยม อย่างน้อยต้องมีเมนูก๋วยเตี๋ยวติดอันดับต้น ๆ เป็นแน่  แม่พลอยเชื่อมั่นอย่างนั้น และความนิยมที่ไม่มีวันตกนี้เอง ทำให้ก๋วยเตี๋ยว เริ่มมีทางเลือกให้ทานอย่างหลากหลายทั้ง ก๋วยเตี๋ยวสูตรดั้งเดิม และก๋วยเตี๋ยวในรูปแบบใหม่ ที่มีการคิดสร้างสรรค์เมนูให้ถูกปากนักชิมมากขึ้น
 
สัปดาห์นี้แม่พลอยพาไปลิ้มชิมรสก๋วยเตี๋ยวเรือหมูและเนื้อแนวใหม่ ที่ร้าน “เตี๋ยวเหอะ”  ในซอยอารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ) หรือจะเข้าซอยพหลโยธิน 9 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยชำนาญอักษร  ร้านอยู่ด้านซ้ายมือสามารถจอดรถในที่จอดรถด้านขวา ที่คิดค่าบริการ 20 บาท แต่ก็สร้างความสะดวกสบายได้ไม่น้อย
 
ก่อนทานก๋วยเตี๋ยว ของร้านเตี๋ยวเหอะ แม่พลอยแนะนำ ของทานเล่น เกี๊ยวกรอบหมูเด้งไก่ขมิ้น เกี๊ยวกรอบรูปสามเหลี่ยมไส้เป็นไก่ขมิ้นมีเครื่องเทศหอมกรุ่น เกี๊ยวกรอบหมูเด้งเป็นเกี๊ยวสี่เหลี่ยมมีหมูสับผสมแครอท ปรุงด้วยสูตรเฉพาะเคี้ยวเพลินลิ้น ส่วน ลูกชิ้นหมู และ ลูกชิ้นเนื้อ สั่งมาทานเป็นเซต จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดปรุงเอง หลายคนติดใจทานจนเพลิน
 
มาถึงเมนูก๋วยเตี๋ยว แม่พลอยแนะนำ เมนูชื่อ เตี๋ยวลิ้นเนื้อกรึบ จะเลือกเส้นหมี่ เส้นเล็กและเส้นใหญ่ได้ตามใจชอบ แม่พลอยลองลิ้มชิมรสเตี๋ยวลิ้นเนื้อกรึบ ชอบใจตรงที่ร้านใช้ลิ้นเนื้อหมักซอส แล้วนำมาย่างทำให้กลิ่นหอม แล้วหั่นพอคำเคี้ยวได้กรึบ ๆ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหอมกรุ่น  ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรุงแม้แต่น้อย  ถ้าไม่ชอบทานเนื้อลองสั่ง เมนูเตี๋ยวหมูกรึบ มาทานแทน รสชาติดีเหมือนกัน
         
ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำเนื้อเซอร์ลอยน์ นอกจากจะมีน้ำซุปเด่นรสแล้ว ยังมีเนื้อโคขุนส่วนสันตะโพกคัดพิเศษมีมันเล็กน้อย สไลด์ขนาดพอดี เป็นดาวเด่นในชาม  ก๋วยเตี๋ยวแห้งเนื้อเสือร้องไห้จี่ไฟ ใช้เนื้อเสือร้องไห้โคขุนจี่ไฟกับน้ำมันงามีความสุกพอดี  มีผักกาดหอม กากหมูและถั่วลิสงคั่วเสิร์ฟเคียง รสชาติออกเข้มข้น
 
ก๋วยเตี๋ยวแห้งสันคอหมูจี่ไฟ น่าทานไม่แพ้กัน มีความนุ่มของสันคอหมู พร้อมด้วยลูกชิ้นตับ หมูตุ๋น ผสมปนเปเป็นความอร่อยในชามเดียว  ถ้าชอบทานก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำ แนะนำ ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำสันนอกหมู น้ำซุปรสชาติกลมกล่อมสันคอหมูนุ่มเรียกว่า ได้สัมผัสรสชาติอร่อยเต็มคำจริง ๆ ถ้านึกอยากทานกากหมู ควบคู่แยกสั่งมาทานต่างหากได้เลย
       
ร้านเตี๋ยวเหอะ ใช่ว่าจะมีก๋วยเตี๋ยว ไว้บริการเท่านั้น ยังมีเมนู ข้าวกะเพราหมูตุ๋น ไข่เป็ดดาว หรือข้าวกะเพราเนื้อตุ๋น ไข่เป็ดดาวไว้บริการเป็นทางเลือก พร้อมกับของหวานเป็นไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมทรงเครื่อง เฉาก๊วย ไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมซุปข้าวโพด และเครื่องดื่มเย็นทั้งเก๊กฮวย กระเจี๊ยบพุทราจีน น้ำแดงโซดา ชาดำเย็น โอเลี้ยงชาเย็น ไว้บริการ เพื่อสร้างความสดชื่นระหว่างมื้ออีกด้วย
     
สัปดาห์นี้อยากทานก๋วยเตี๋ยวเรือแบบมีสไตล์เฉพาะ ลองแวะเวียนไปได้ที่ร้านเตี๋ยวเหอะ ซอยอารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ ) เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์สัปดาห์แรกของเดือนจะปิดบริการ สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2278-3411 หรือ ทาง www.facebook.com/tiewhur สำหรับแฟนคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิม รับส่วนลด10% ตั้งแต่วันที่ 16–24  มี.ค. 2556  หากตัดส่วนคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิม ไปแสดงกับทางร้าน.  

แม่พลอย เรื่อง / พิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ ภาพ
........................

คลิกชมภาพต่อที่นี่....

ลิ้มรสของหวานรสละมุน ที่ พาทิสเซอรี มาสะโทมิ


สัปดาห์นี้ แม่พลอยเว้นวรรค การลิ้มชิมรสอาหารคาว มาทำอารมณ์สุดชิล นั่งจิบน้ำชา ทานขนมหวานแบบฝรั่งเศสในสไตล์ญี่ปุ่น ที่ร้าน พาทิสเซอรี มาสะโทมิ (Patisserie Masatomi) ชั้น 3 อาคารปอร์ติโก ย่านหลังสวน กรุงเทพมหานคร

พาทิสเซอรี มาสะโทมิ มีขนมหวานผลงาน พิชัย รุ่งนพคุณศรี หรือเชฟทอมมี่ อวดสีสันสุดน่าทานโชว์ในตู้กระจกใส แม่พลอยเริ่มต้นแนะนำของหวานดาวเด่นของร้าน เป็น โมจิเค้ก  ที่มีหลายรสชาติทั้ง โมจิเค้กชาเขียว โมจิเค้กมะม่วง โมจิเค้ก สตรอเบอรี่ มีรสชาติเด่นล้ำเหนือรสชาติอื่น ด้านนอกเป็นแป้งโมจิบางนิ่ม ด้านในมีมูสสตรอเบอรี่และสตรอเบอรี่สด ชิมแล้วชอบความหอมมันนุ่มเนียนลิ้น ไม่หวาน แถมให้ความสดชื่น มาจากรสเปรี้ยวอมหวานของสตรอเบอรี่อีกด้วย
 
มาการอง ขนมหวานที่มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส มาการองโมโมทาโร่  เป็นมาการองยอดนิยม ของร้าน สีสันออกสีขาวชมพู มีพีชขาวกับช็อกโกแลตขาวเป็นส่วนผสม รสชาติออกหอมหวาน ต้องทานคู่กับชาร้อนจะได้รสชาติลงตัวพอดี  มาการองสมุย ทำจากน้ำตาลมะพร้าวและกะทิ  รสละมุนออกกรุ่นกลิ่นแบบไทย นอกจากนี้ยังมีมาการองชาเขียว มาการองไวท์ช็อกมิ้นท์ มาการองลาเวนเดอร์ไวท์ช็อก และมาการองสิบกว่ารสชาติไว้เผื่อเป็นทางเลือกที่ชอบและใช่ที่สุดสำหรับคนชอบทานมาการอง

มองบลังค์ ชีสเค้ก ชีสเค้กแบบญี่ปุ่น แนะนำ มอง บลังค์ ชีสเค้กรสมันสีม่วง และชาเขียว ลองลิ้มรสมองค์บลังค์ชีสเค้กรสมัน ข้างล่างเป็นชีสเค้ก มีเนื้อมันสีม่วงฉาบซ่อนไส้ในเป็นคาราเมลมูส รสละมุน ตักทานไปพร้อมชีสเค้กที่อยู่ด้านล่าง นุ่มกรอบกรุบครบทุกอารมณ์ ส่วน มองบลังค์ชีสเค้กชาเขียว มีความหอมมันของชาเขียวเป็นรสเด่น
       
ถ้าชอบทานโรลเค้ก เป็นพิเศษ ร้านนี้มี โรลเค้กชาเขียว มีความเข้มข้นของมูสช็อกโกแลตขาว ตัดกับโรลเค้กชาเขียว  และ ถั่วแดงบดใส่ไว้ด้านใน ส่วน โรลเค้กพีช เมลบา น่าทานไม่แพ้กัน
   
สตรอเบอรี่ ชีสเค้ก มีสตรอเบอรี่ มีความหวานอมเปรี้ยว เข้ากับชีสเค้กที่สุดเข้มข้นได้อย่างดี สำหรับคนชอบของหวานที่มีช็อกโกแลตผสมเป็นหลัก แนะนำ ช็อกโกแลตคาราเมลชูว์ และ ช็อกโกแลตมูส ยิ่งทานกับเครื่องดื่มทั้งชาหรือกาแฟ ยิ่งรู้สึกมีความสุขในการทานมากขึ้น
     
สุดสัปดาห์นี้อยากทานขนมหวานฝรั่งเศสสไตล์ญี่ปุ่นแบบฉบับ พาทิสเซอรี มาสะโทมิ ลองแวะเวียนไปได้เลยร้านเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00–20.00 น. สนใจโทรฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2652-1977  www.facebook.com/patisserie-masatomi
 
สำหรับแฟนคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิม หากตัดคอลัมน์เดลินิวส์ชวนชิมไปแสดง ทางร้านยินดีลดค่าขนมหวานให้  10% ตั้งแต่วันที่  23–29  มีนาคม 2556.

เรื่อง/ แม่พลอย ภาพ/ วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์

..................

คลิกชมภาพต่อที่นี่....

จี๊ดจ๊าด กุ้งเผา รามอินทรา

ร้านเเก้วกุ้งเผา
เมนู กุ้งพล่า
กุ้งต้มย่ำ
ปลาเผา
ปลาหมึกย่าง

อยู่ซอย อินทรา 5 เข้าซอยไปประมาณ 2 กิโล ร้านอยู่ปากซอยรามอินทรา 5 แยก 19 ซ้ายมือ เปิด แต่ 4 โมงเย็น - ห้าทุ่ม
หากว่าไม่สะดวกไปทาน  ทางร้านมีบริการ ขนส่ง รัศมี ไม่เกิน 2 กิโล สนใจ โทร 08-6042-8109

.......................

คลิกชมภาพและอ่านต่อที่นี่....

แผงลอยต่งจังหวัด

  แผงลอยตลาดนัด เป็นตลาดนัดในต่างจังหวัด ราคาค่าแผงลอยถูกมากๆ เคยถามคนขายคนหนึ่ง ว่าเท่าไหรต่อวัน เขาบอกว่า 20 บาท/วัน ตลาดเขาก็ทำแบบง่ายๆ ย...